ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ประเด็นข้อพิพาทการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งมีความกังวลว่าอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงระหว่างกันได้ในเร็วๆนี้ หลังปธน. ทรัมป์ ระบุว่าสหรัฐฯ ไม่พร้อมทำข้อตกลงกับจีน ส่วนปัจจัยอื่นที่นักลงทุนน่าจะให้ความสนใจ ได้แก่ สถานการณ์ในฮ่องกง และประเด็นเรื่อง BREXIT ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ค. ของสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ของจีน
เงินบาทตลาดในประเทศแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน (9 ส.ค.)
สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค
ส่วนเช้าวันนี้ (13 ส.ค.) เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ประกอบกับมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ
จากความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมืองในประเทศ ประกอบกับมีแรงเทขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดปะปน
โดยตลาดหุ้นจีน
ปิดบวกจากแรงหนุนที่เข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มการเงิน ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง
ปิดลบจากความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อ ขณะที่
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลง ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น
ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า
ประเทศผู้ผลิตน้ำมันกลุ่มโอเปกอาจมีการหารือเรื่องการปรับลดการผลิตเพื่อพยุงทิศทางราคาน้ำมัน
ส่วนราคาทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า
6 ปี หลังเงินดอลลาร์ฯ
ยังคงเผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น