ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน การเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ส่วนปัจจัยสำคัญจากฝั่งเอเชีย น่าจะอยู่ที่ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางเกาหลีใต้และธนาคารกลางอินโดนีเซีย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะรายงานในคืนนี้ ได้แก่ ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดฟิลาเดลเฟียเดือนก.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
เงินบาทตลาดในประเทศ ยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ วานนี้ (17 ก.ค.)
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเช้าวันนี้ (18 ก.ค.) เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อยกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 30.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย หลังรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ
(Beige Book)
ระบุว่า ภาคเอกชนสหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง
สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ประกอบกับมีแรงขายของนักลงทุนกลุ่มสถาบัน
ตลาดหุ้นต่างประเทศโดยรวมปิดลบ
ท่ามกลางความกังวลต่อความไม่แน่นอนในประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ขณะที่
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแรงฉุดเพิ่มเติมจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทในกลุ่มขนส่ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากข้อพิพาทการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ยืดเยื้อ
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง จากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ
ซึ่งปรับลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาด
ประกอบกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านคลายตัวลง
หลังมีสัญญาณว่าการเจรจาของทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้า
ส่วนราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น หลังนักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการถือทองคำ
ภายใต้สถานการณ์ไม่แน่นอนของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น