Display mode (Doesn't show in master page preview)

31 กรกฎาคม 2550

อุตสาหกรรม

เครื่องสำอางไทย: เร่งพลิกวิกฤตเป็นโอกาส...รับสินค้านำเข้าบุก...ยุคเงินบาทแข็ง (มองเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2021)

คะแนนเฉลี่ย
ปี 2550 น่าจะเป็นปีที่ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทยต้องเผชิญกับศึกหนักพอสมควรจากการไหลเข้ามาของสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งในส่วนของของตราสินค้าเดิมๆในระดับชั้นนำของโลกที่ได้รับการยอมรับอยู่แล้ว และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางตราสินค้าใหม่ๆที่หวังจะเข้ามาเจาะตลาดของบรรดาประเทศในแถบเอเชีย เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดที่มากกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2549 ต่อเนื่องจนถึงปี 2550 ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯเองก็มีแนวโน้มอ่อนค่าลง จึงทำให้สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และสินค้าจากประเทศในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น และไต้หวัน มีต้นทุนนำเข้าที่ลดลง ส่งผลต่อเนื่องให้ผู้ผลิตสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของไทยทั้งในกลุ่มที่เน้นต้นทุนการผลิตต่ำ รวมไปถึงผู้ผลิตสินค้าระดับปานกลางถึงสูงภายใต้ตราสินค้าของตนเองต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าในปี 2550 ไทยน่าจะมีมูลค่าการนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง(พิกัดอัตราภาษีศุลกากร HS3303 HS3304 HS3305 HS3306 และ HS3307) ไม่ต่ำกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10-15 ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า การปรับตัวของบรรดาผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของไทยนับจากนี้จึงควรเร่งพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ด้วยการเสริมสร้างความได้เปรียบทางการผลิตด้วยการลงทุนนำเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการผลิตเพื่อลดต้นทุน และผลิตชิ้นงานได้อย่างรวดเร็ว การสรรสร้างนวัตกรรม การสร้างความแตกต่างและมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ อีกทั้งควรมีการวางแผนเพื่อพัฒนาสินค้าสู่ตลาดระดับกลาง-บนให้มากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อลดผลกระทบจากการแข่งขันกับสินค้าราคาถูกจากจีนและกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกันเอง ขณะเดียวกันภาครัฐและเอกชนก็ควรร่วมมือกันอย่างจริงจังและต่อเนื่องผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบให้สินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างและใกล้ชิดกับผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น เพื่อรณรงค์ให้คนไทยหันมาสนับสนุนสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทยที่นับวันจะได้รับการยอมรับในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเป็นไปอย่างยั่งยืน

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


อุตสาหกรรม