การประชุมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ
(ITRC) ซึ่งมีสมาชิกได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เมื่อ วันที่ 4-5 มีนาคม 2562 ได้ข้อสรุปให้ลดปริมาณส่งออกยางพาราร่วมกัน
จำนวน 2.4 แสนตัน (ไทย 1.26 แสนตัน)
เพื่อช่วยพยุงราคายางช่วงที่ราคาตกต่ำ อาจช่วยดันราคายางช่วงไตรมาส 2/2562 ให้ไปอยู่ที่ราว 43.0 บาทต่อกิโลกรัม จาก 41.9
บาท ในไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม มาตรการควบคุมปริมาณการส่งออกยาง อาจช่วยผลักดันราคาได้ไม่มากนัก เนื่องจากปัจจุบัน
ประเทศผู้ผลิตยางพาราไม่ได้มีเพียงไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
แต่ยังมีประเทศผู้ผลิตหน้าใหม่ในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา
ลาว เมียนมา เวียดนาม) ที่มีบทบาทมากขึ้น
หลังจากพื้นที่ปลูกยางที่นักลงทุนจีนเข้าไปลงทุนใน CLMV เริ่มให้ผลผลิตและได้มีการส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น
จึงทำให้ปริมาณการส่งออกยางพาราในตลาดโลกไม่ได้ลดลงมากนัก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า
ราคายางพาราในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 จะทยอยปรับตัวลดลงอยู่ในกรอบ
37.5-40.9 บาทต่อกิโลกรัม จากอุปทานยางพาราของโลกที่อยู่ในระดับสูง
โดยเฉพาะไทยที่จะมีผลผลิตยางออกสู่ตลาดจำนวนมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
และปัจจัยฉุดตลาดที่สำคัญยังมีอยู่ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกของปี เช่น
ความต้องการจากจีนที่ชะลอลง ตลอดจนราคาน้ำมันดิบที่เป็นสินค้าทดแทนยางพารา
ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ทำให้ราคายางพาราปี 2562 จะยังให้ภาพที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ
โดยคาดว่าราคายางพาราเฉลี่ยในปี 2562 อาจอยู่ที่ราว 40.8-41.2
บาทต่อกิโลกรัม หรือหดตัว 0.8-1.7%
ความพยายามในการผลักดันราคายางผ่านการควบคุมปริมาณการส่งออกยางของ
3 ประเทศในระยะยาว อาจมีความเป็นไปได้น้อยในการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ
เนื่องจากอุปสงค์และอุปทานยางในตลาดโลกเป็นปัจจัยกดดันราคายาง
จึงเป็นโจทย์ท้าทายของภาครัฐในการประคับประคองสถานการณ์ราคายางผ่านมาตรการต่างๆ
ที่จะเข้ามาช่วยเหลือชาวสวนยางทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป
#ยางพารา #เกษตร
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น