ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ได้สำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้ปกครองในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑลช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2562
พบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่เห็นว่า ค่าใช้จ่ายช่วงเปิดเทอมปีนี้ “คงที่” เมื่อเทียบกับในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปีที่ผ่านมา และมีมุมมองว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
ได้แก่ ค่าเรียนพิเศษ กวดวิชา และการเรียนเสริมทักษะต่างๆ ทั้งนี้ ผู้ปกครองกว่า 54.2%
มีความกังวลต่อสภาพคล่องทางการเงินที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อการศึกษาจากหลายสาเหตุ อาทิ เงินออมไม่เพียงพอ
ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น จำนวนบุตรที่เข้าเรียนเพิ่มขึ้น
และค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์การศึกษาเพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ประมาณ
5% ของผู้ที่มีความกังวลนั้น
ใช้เงินจากการกู้ยืมหรือจากการนำของใช้ไปจำนำ
แต่ด้วยมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐในการซื้อสินค้าเพื่อการศึกษา สำหรับผู้ปกครองที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
คนละ 500 บาทต่อบุตร 1 คน
ก็น่าจะช่วยบรรเทาภาระรายจ่ายแก่ผู้ปกครองที่มีรายได้น้อยได้ส่วนหนึ่ง
จากการรวบรวมข้อมูลราคาสินค้าและค่าบริการด้านการศึกษาหลักๆ
ในปีนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ยังไม่มีการปรับขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าเทอม ค่าบำรุงการศึกษาและกิจกรรมต่างๆ
ทั้งโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน ขณะที่ในส่วนของสินค้า เช่น ชุดนักเรียน หนังสือ
อุปกรณ์การเรียน
ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายยังคงให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการคงราคาไว้
รวมถึงผู้ประกอบการในกลุ่มโมเดิร์นเทรด และร้านค้าปลีกได้มีการจัดโปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษและนำแบรนด์สินค้าที่มีราคาไม่สูงมาทำตลาด
เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
จึงประเมินว่าช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2562 นี้
ผู้ปกครองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะมีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาประมาณ 28,220
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน
#เปิดเทอม
#ค่าเทอม
#ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น