กระทรวงการคลังสหรัฐฯ
เปิดเผยรายงานนโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2562 ที่ผ่านมา
โดยรายงานไม่ได้ระบุอย่างเฉพาะเจาะจงว่า ประเทศใดมีพฤติกรรมเข้าข่ายบิดเบือน
ค่าเงิน (Currency Manipulator) เพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางด้านการค้ากับสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ มีการปรับเกณฑ์การพิจารณาให้มีความเข้มงวดขึ้น
ทำให้มีรายชื่อประเทศที่สหรัฐฯ เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด (Monitoring List) เพิ่มขึ้นมาเป็น 9
ประเทศ แต่ไม่ปรากฏชื่อประเทศไทยในรายงานรอบนี้
แม้ว่าจะยังไม่พบสัญญาณความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนภายหลังการเปิดเผยรายงาน
แต่คงต้อง
จับตาความเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวนที่อาจมีผลต่อทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาคในช่วงหลังจากนี้อย่างใกล้ชิด
ถึงแม้สหรัฐฯ ไม่เลือกกดดันจีนด้วยประเด็นด้าน Currency Manipulator แต่ท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้นของสหรัฐฯ ที่เห็นจากรายงาน
สะท้อนแรงกดดันต่อจีนที่เพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะในเรื่องความไม่โปร่งใสในการเข้าแทรกแซงค่าเงินหยวน
และการเกินดุลการค้าในระดับที่สูงเกินไปกับสหรัฐฯ
อาจนับเป็นความโชคดีที่สภาพแวดล้อมของตลาดการเงินโลกในช่วงที่จัดทำรายงานฉบับนี้
เป็นช่วงที่เงินดอลลาร์ฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้น
สวนทางกับสกุลเงินในเอเชียที่อ่อนค่าลง ดังนั้น ไทยและอีกหลายประเทศในเอเชีย
ต่างก็รอดพ้น
จากเกณฑ์เรื่องการเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อให้ค่าเงินอ่อนค่าเพียงด้านเดียว
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
มองว่า ไทยยังมีแนวโน้มเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ
จึงอาจทำให้ยังมีความเสี่ยงที่ไทยจะไม่ผ่านเกณฑ์ยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ
ซึ่งหากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
ไทยต้องเตรียมรับมือกับแรงกดดันด้านการค้าจากสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ
อาจพิจารณาทบทวนสิทธิ GSP ที่ให้กับไทย ดังนั้น
ไทยจึงยังจำเป็นต้องเตรียมแผนหาตลาดใหม่ รวมทั้งผลักดัน FTA ฉบับต่างๆ
ให้สำเร็จ เพื่อช่วยขับเคลื่อน การส่งออกและการลงทุนไทยในระยะยาว
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น