Display mode (Doesn't show in master page preview)

5 สิงหาคม 2562

Econ Digest

สหรัฐฯ...ยังไม่หยุด และอาจไม่หยุดอยู่แค่นี้ ?

คะแนนเฉลี่ย

​เพราะการเจรจาระหว่างกันไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ในที่สุด สหรัฐฯ ได้ประกาศเพิ่มการเก็บภาษีสินค้าจีนอัตราร้อยละ 10 กับสินค้ากลุ่มที่เหลืออยู่ 3 แสนล้านดอลลาร์ฯ เริ่มวันที่ 1 กันยายน 2562 การเก็บภาษีรอบนี้สะท้อนจุดยืนของสหรัฐฯ ที่ต้องแลกด้วยผลกระทบที่มีต่อภาคการบริโภคเพราะยากที่จะหาสินค้าจากแหล่งอื่นมาทดแทนสินค้าที่จีนเป็นผู้ผลิตหลักของโลก
ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีนก็ได้รับผลกระทบที่ยากหลบเลี่ยงด้วยเช่นกัน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบนี้ ยิ่งส่งผลกดดันต่อการส่งออกสินค้าไทยที่เกี่ยวเนื่องกับห่วงโซ่การผลิตของจีนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในภาพรวมปี 2562 ขยับขึ้นเป็น 2,400 ล้านดอลลาร์ฯ (จากเดิมที่ 2,100 ล้านดอลลาร์ฯ ในรอบการขึ้นภาษีสินค้าจีนร้อยละ 25 มูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ฯ)

แม้ว่าการตอบโต้ทางภาษีระหว่างกันมีมานานกว่า 1 ปี และเส้นทางการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่ดูเหมือนว่าการเก็บภาษีครั้งนี้น่าจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่บทสรุปของสงครามการค้า เพราะมีผลครอบคลุมสินค้าระหว่างกันแทบทุกรายการไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อว่า สหรัฐฯ จะยังเดินหน้าสงครามจิตวิทยากดดันจีนต่อไป โดยทางตรง สหรัฐฯ อาจขยับภาษีขึ้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 และใช้นโยบายด้านอื่นมากดดันเพื่อสกัดธุรกิจจีนไม่ให้ดูดซับเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ส่วนทางอ้อม สหรัฐฯ อาจระงับสิทธิ GSP และใช้มาตรการทางภาษีกับประเทศอื่นๆ ที่ธุรกิจจีนได้ไปลงทุนเพื่อขยายฐานการผลิตและใช้ประเทศเหล่านั้นเป็นหนึ่งในช่องทางส่งออกไปสหรัฐฯ




Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest