ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนในระดับรัฐมนตรีช่วยซึ่งจัดขึ้นที่นครนิวยอร์ก (19-20 ก.ย.) และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์ BREXIT ซึ่งล่าสุดประธานคณะกรรมาธิการยุโรปมีมุมมองเชิงบวกต่อข้อตกลง BREXIT ของอังกฤษ สถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงข้อมูลแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ โดย Baker Hughes
เงินบาทตลาดในประเทศอ่อนค่าลงวานนี้ (19 ก.ย.) ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้แรงหนุน หลังเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการลดดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า ส่วนเช้าวันนี้ (20ก.ย.) เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.50-30.51 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและสื่อสาร ประกอบกับมีแรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดปะปน โดยภาพรวมตลาดหุ้นฝั่งเอเชียมีแรงหนุนจากการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ แม้จะไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคตก็ตาม ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดปะปน ระหว่างรอประเมินสถานการณ์การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งได้เริ่มขึ้นแล้ว ส่วนดัชนี NASDAQ ปรับขึ้น โดยมีแรงหนุนจากหุ้นบริษัทไมโครซอฟท์
ราคาน้ำมันตลาดโลกขยับขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากตลาดยังคงมีความกังวลต่อความเพียงพอของปริมาณน้ำมัน ส่วนราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่กรอบการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ ยังเป็นไปอย่างจำกัด
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น