Display mode (Doesn't show in master page preview)

1 มีนาคม 2564

Econ Digest

ส่องโอกาสในวิกฤต? ส่งออกรถยนต์ไปเมียนมา

คะแนนเฉลี่ย

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเมื่อ 1 ก.พ. 64 ของเมียนมา อาจทำให้นักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่อยู่ในช่วงการก่อร่างสร้างฐานการผลิตและการตลาดในประเทศ อาจต้องตัดสินใจชะลอแผนการลงทุน จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้นการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศจึงยังเป็นสิ่งจำเป็น ทำให้ไทยซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศส่งออกสำคัญไปยังเมียนมา อาจจะมีโอกาสส่งออกรถยนต์ได้เพิ่มขึ้น แต่ด้วยสภาวะที่เศรษฐกิจในประเทศเมียนมา ที่กำลังเผชิญกับปัญหารอบด้าน ทั้งจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 รวมถึงอาจจะโดนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ทำให้ในปี 2564 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า แม้ไทยจะมีโอกาสส่งออกได้  แต่การซื้อขายรถยนต์ใหม่ในประเทศเมียนมา น่าจะขยายตัวได้ไม่มากนักเหมือนในอดีต
 
ความต้องการรถยนต์ที่แท้จริงของเมียนมา สูงกว่ายอดขายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของตลาด หากพิจารณาจากกลุ่มชนชั้นกลาง ในปี 2555 เวียดนามมีชนชั้นกลางราว 12 ล้านคน สามารถขายรถยนต์ใหม่ได้ถึง 80,4532 คัน ขณะที่เมียนมาในปี 2563 คาดว่าจะมีประชากรชนชั้นกลางกว่า 10 ล้านคน ใกล้เคียงกับเวียดนามเมื่อปี 2555 กลับขายรถยนต์ใหม่ได้เพียง 15,721 คัน แสดงให้เห็นว่า ยังมีโอกาสขายรถยนต์ในเมียนมา ได้มากกว่าที่เป็นอยู่พอสมควร นอกจากนี้ ปัจจุบันในเมียนมามีรถยนต์มากกว่า 1 ล้านคัน ซึ่งราว 95% เป็นรถยนต์เก่าอายุมากกว่า 10 ปี ที่รอการเปลี่ยนเป็นรถยนต์ใหม่ในอนาคต หากมีราคาเหมาะสมสามารถเข้าถึงได้ ประกอบกับเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2563 รัฐบาลเมียนมาได้ประกาศปรับลดอัตราภาษีจดทะเบียนรถยนต์ ที่ต้องเสียเฉพาะรถยนต์นำเข้าลง 50% ในทุกขนาดเครื่องยนต์ ทำให้รถยนต์นำเข้าที่ปกติมักมีราคาสูง สามารถแข่งขันกับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศได้มากขึ้น 
 
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า แม้ไทยจะมีโอกาสส่งออกรถยนต์ไปยังเมียนมาได้เพิ่มขึ้นในช่วงปี 2564 นี้ แต่ก็จะเพิ่มขึ้นได้ไม่มากนัก โดยมูลค่าการส่งออกรถยนต์ของไทยไปเมียนมาน่าจะปรับเพิ่มขึ้น 2-4% หรือส่งออกได้ 86.5 ถึง 88.5 ล้านดอลลาร์ฯ จากที่ส่งออกได้ 84.8 ล้านดอลลาร์ฯ ในปีที่แล้ว โดยนอกเหนือจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจในเมียนมาที่ไม่เอื้อให้การส่งออกทำได้ดีนัก การส่งออกไปยังเมียนมาของไทย ยังมีโอกาสต้องเผชิญกับความท้าทาย จากการแข่งขันที่สูงขึ้นด้วย โดยคู่แข่งหลักๆ ได้แก่ รถยนต์จากเกาหลีใต้และชาติตะวันตก รถยนต์จากจีน และรถ MVP จากอินโดนีเซีย


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest