Display mode (Doesn't show in master page preview)

8 มิถุนายน 2563

Econ Digest

บาทแข็งต่อเนื่องตั้งแต่ เม.ย. 63 คาด...เงินบาทอยู่ที่ 31.00-31.50 บาท/ดอลลาร์ฯ ในช่วงที่เหลือปีนี้

คะแนนเฉลี่ย
          ตั้งแต่เดือนเม.ย. ที่ผ่านมา หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย ได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะงักงัน นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย แต่ในอีกด้านหนึ่ง เงินบาทกลับทยอยแข็งค่าขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563 จากผลของเงินดอลลาร์ฯ ที่อ่อนค่า และปัจจัยเฉพาะของไทย อาทิ การส่งออกทองคำที่หนุนดุลการค้าถึงกว่า 98% ในเดือนเม.ย. และการนำเงินกลับเข้าประเทศ

         ทิศทางเงินบาทในระยะข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ยังมีโอกาสแข็งค่าอยู่จากการที่ไทยยังมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ราว 4.9% ของจีดีพีตามประมาณการของสศช. อีกทั้งยังต้องติดตามสถานการณ์ของเงินดอลลาร์ฯ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ยังไม่นิ่ง ขณะที่เหตุจลาจลอาจทำให้ความเสี่ยงในการระบาดระลอกสองเพิ่มสูงขึ้น เป็นผลเสียต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และในอีกด้านหนึ่ง เฟดก็คงต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างมาก จึงยังต้องรอประเมินโอกาสที่เฟดจะใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบอย่างใกล้ชิดต่อไป

            ดังนั้นคาดว่า เงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าไปอยู่ในกรอบ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่ธปท. ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด โดยเน้นการดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผิดไปจากปัจจัยพื้นฐาน เพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และจากสัญญาณล่าสุด สะท้อนว่า ธปท. น่าจะอยู่ระหว่างการติดตามธุรกรรมทางการเงินที่อาจจะมีผลต่อความผันผวนของเงินบาทใน 2 ส่วน ได้แก่ ธุรกรรมของกลุ่มผู้ค้าทองคำ โดยเฉพาะในช่วงที่ปริมาณการส่งออกทองคำยังอยู่ในระดับสูง และการทยอยกลับเข้าซื้อพันธบัตรระยะต่ำกว่า 1 ปีซึ่งสะท้อนการกลับเข้ามาพักเงินระยะสั้นอีกครั้งของนักลงทุนต่างชาติ และอาจพิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทในระยะข้างหน้า



Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest