ร่างกฎหมาย Internal Market Bill ของอังกฤษ ชนวนสู่ No-Deal BREXIT

            ท่ามกลางปัญหาการเมืองภายในของอังกฤษนับตั้งแต่เริ่มกระบวนการ BREXIT ในปี 2559 บวกกับเงื่อนเวลาที่ใกล้เข้ามา และล่าสุดที่อังกฤษเตรียมเสนอร่างกฎหมาย Internal Market Bill ที่เปิดช่องให้รัฐบาลอังกฤษสามารถมีข้อปฏิบัติที่ขัดแย้งกับความตกลงที่เคยให้ไว้กับ EU ได้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เรื่องนี้จะเป็นชนวนใหม่ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับ EU กลับมาเปราะบางยิ่งกว่าเดิม ทำให้การเจรจาความตกลงการค้าที่จะนำมาทดแทนความสัมพันธ์เดิมที่ควรจะเกิดขึ้นได้ภายในปี 2563 คงไม่เกิดขึ้น แต่กลับนำพาอังกฤษเข้าสู่เส้นทาง No-deal BREXIT ในวันที่ 31 ธ.ค. 2563

             หากเกิด No-deal BREXIT ขึ้นจริง ในวันที่ 1 ม.ค. 2564 สถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งทำให้ค่าเงินปอนด์ผันผวนซ้ำเติมเศรษฐกิจอังกฤษที่เปราะบางอยู่แล้วให้อ่อนไหวมากขึ้น ซึ่งในส่วนของไทยแม้จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ในฐานะที่อังกฤษเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับต้นของไทยในยุโรป มีมูลค่าส่งออกปีละราว 4 พันล้านดอลลาร์ฯ คิดเป็นสัดส่วน 1.3% ของการส่งออกทั้งหมดของไทยไปตลาดโลก การที่เศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวล่าช้าก็จะส่งผลต่อการส่งออกของไทย 

              ​การที่อังกฤษถอนตัวจาก EU ส่งผลให้อังกฤษต้องมีระบบศุลกากรและอัตราภาษีนำเข้าของตนเองตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 โดยในเบื้องต้นอังกฤษประกาศให้สินค้านำเข้ากว่า 60% ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า (ตอนเป็นสมาชิก EU มีเพียง 47%) ซึ่งการปรับโครงสร้างดังกล่าวทำให้ผู้ส่งออกไทยมีภาระทางภาษีน้อยลง สินค้าส่งออกหลักของไทยราว 30% ของการส่งออกทั้งหมดไปอังกฤษยังมีภาษีคงเดิม อาทิ ไก่แปรรูป รถจักรยานยนต์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า สำหรับสินค้าอื่น ๆ แม้จะมีการลดภาษีแต่ก็เป็นสินค้ามีมูลค่าส่งออกไม่สูง ตัวอย่างเช่น สินค้าที่อัตราภาษีลดลงเหลือ 0% ได้แก่ อาหารสุนัขและแมว อุปกรณ์รับส่งสัญญาณ สินค้าที่อัตราภาษีลดลงจากเดิม ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ซอสปรุงรส ทั้งนี้ ยังต้องจับตาความสัมพันธ์ที่คลุมเครือของอังกฤษกับ EU และอังกฤษกับประเทศอื่น ๆ รวมถึงนโยบายการค้าที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ดี หากไทยสามารถเจรจาความตกลง FTA กับอังกฤษได้สำเร็จก็จะช่วยสร้างแต้มต่อทางการค้าให้ไทยได้ในระยะยาว