Display mode (Doesn't show in master page preview)

13 ธันวาคม 2564

Econ Digest

KResearch : วิเคราะห์ข่าวเช้าเศรษฐกิจ (13 ธันวาคม 2564)

คะแนนเฉลี่ย


ตลาดหุ้นเอเชียอาจฟื้นตัวจากช่วงปลายสัปดาห์ก่อน หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาใกล้เคียงกับที่คาด...สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางหลายแห่ง

- ตลาดหุ้นไทยปิดทรงตัวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวท่ามกลางมูลค่าการซื้อ-ขายที่ค่อนข้างเบาบาง ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเผชิญแรงขายทำกำไรเมื่อวันศุกร์ ก่อนการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ โดยในส่วนของตลาดหุ้นจีนมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากข้อมูลปริมาณเงินและการปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนที่อ่อนแอ รวมถึงความกังวลต่อปัญหาอสังหาริมทรัพย์ หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอเวอร์แกรนด์จากระดับ C ลงสู่ระดับ Restricted Default (RD) 
- ตลาดหุ้นยุโรปและอังกฤษปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อมาตรการที่ใช้สกัดการระบาดของโอมิครอนที่อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจแถบยุโรป 
- ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า หลังข้อมูล CPI สหรัฐฯ ออกมาใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของตลาด โดยอัตราเงินเฟ้อ เดือนพ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 6.8% YoY สูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี (ตลาดคาดที่ 6.7%) 
- ส่วนราคาทองคำในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นท่ามกลางมุมมองที่มองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ประกอบกับได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากเงินดอลลาร์ฯ ที่มีทิศทางอ่อนค่าลง
- ราคาน้ำมันทั้ง WTI และ Brent ปรับเพิ่มขึ้น โดยยังคงได้รับอานิสงส์จากการคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และสัญญาณที่สะท้อนว่า การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก
 
- ปัจจัยติดตามที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางชั้นนำอื่นๆ อาทิ ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางญี่ปุ่น​


 



Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest