ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงลบต่อ รับเฟดส่งสัญญาณคุมเข้ม
- ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดในแดนลบ อาทิ ตลาดจีนที่ข้อมูลเศรษฐกิจออกมาแย่กว่าคาด และทางการจีนส่งสัญญาณคุมเข้มตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น การสั่งให้รัฐวิสาหกิจจีนต้องรายงานการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าให้ทางการตรวจสอบ
- ส่วนหุ้นไทยแม้จะปิดบวก จากนโยบายการเปิดประเทศใน 120 วันของนายกฯ แต่หุ้นกลุ่มแบงก์และไฟแนนซ์ยังเผชิญความไม่แน่นอนจากนโยบายการดูแลเพดานอัตราดอกเบี้ยของทางการ
- ตลาดยุโรปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ตามแรงหนุนของหุ้นกลุ่มที่รับกับการเปิดประเทศ ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ รับสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566
- ผลการประชุมเฟดวานนี้ มีมติคงดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด 0.0-0.25% และคงวงเงินซื้อสินทรัพย์ QE ที่ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือน (8 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ สำหรับซื้อพันธบัตรรัฐบาล และ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ เพื่อซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน) อย่างไรก็ตาม มีการส่งสัญญาณที่เหนือความคาดหมายของตลาดคือ 1) ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ จากเดิม 2.4% มาที่ 3.4% และสะท้อนว่าเงินเฟ้อยังมีโอกาสสูงกว่าเป้าหมายเฟดในปีหน้า 2) ปรับเพิ่มจีดีพีปีนี้จาก 6.5% มาเป็น 7.0% ขณะที่มองอัตราการว่างงานที่ 4.5% ในปีนี้ ก่อนลดลงมาที่ 3.8% ในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าอัตราการว่างงานตามศักยภาพที่ราว 4% 3) Dot Plot สะท้อนโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นมาที่ปี 2566 เป็นจำนวน 2 ครั้ง เทียบกับเดิมที่มองว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในปี 2567 ทั้งนี้ ภาพดังกล่าว อาจทำให้เฟดชะลอ QE ในช่วงต้นปีหน้า ก่อนขึ้นดอกเบี้ยภายในช่วงกลางปี 2566 เป็นอย่างเร็ว
- กระนั้นก็ดี สัญญาณเฟดคงไม่กระทบการตัดสินใจของ กนง.ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง
- เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่า เมื่อเทียบกับเงินบาทและสกุลเอเชียอื่น ขณะที่ บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ขยับขึ้น
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น