Display mode (Doesn't show in master page preview)

28 ตุลาคม 2562

Econ Digest

ในการประชุม 29-30 ตุลาคมนี้ คาด เฟด...ลดดอกเบี้ย อีก 0.25% หลังสงครามการค้า...เริ่มกระทบภาคการบริโภค

คะแนนเฉลี่ย

​​              ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 29-30 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 3 ติดต่อกัน เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มปรากฏสัญญาณอ่อนแรงที่ชัดขึ้น โดยเฉพาะภาคการบริโภคที่เริ่มมีสัญญาณหดตัวลง จากยอดค้าปลีกเดือนสิงหาคมที่หดตัว 0.3% อันบ่งชี้ว่าผลกระทบจากสงคราม

              การค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการบริโภค ประกอบกับทิศทางเงินเฟ้อที่ชะลอลงโดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 1.7% ตอกย้ำภาพการใช้จ่ายที่ชะลอตัวทั้งในปัจจุบันและอนาคต ขณะที่แรงหนุนจากมาตรการทางการคลังยังมีจำกัด​ในระยะข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าเฟดคงจะส่งสัญญาณถึงมุมมองค่อนข้างบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่พัฒนาการของเศรษฐกิจจริงในช่วง 2-3 เดือนต่อไปนี้ คงเป็นเครื่องบ่งชี้ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ทั้งนี้ ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในเฟสแรก อาจไม่เพียงพอในการคลี่คลายปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ตลอดจนหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาเติบโตในอัตราเร่งขึ้น ทำให้เฟดยังคงเผชิญกับความท้าทายต่อการตัดสินใจนโยบายการเงินในระยะต่อไป

​              สำหรับผลต่อเศรษฐกิจไทย การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในรอบนี้ หากเกิดขึ้นจริงคงมีผลหนุนค่าเงินบาทในระดับหนึ่ง เนื่องจากตลาดได้รับรู้โอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ไปพอสมควรแล้ว ขณะที่จุดตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงินในการประชุมสัปดาห์ถัดไปคงแปรผันตามสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศมากกว่า ซึ่งต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบที่ค่อนข้างขัดเจนจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และผลกระทบจากสงครามการค้าด้วยเช่นกัน



Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest