ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้มีมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม
เมื่อ 22 ต.ค. 2562 ด้วยการลดค่าธรรมเนียมโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายบ้านที่มีราคาไม่เกิน 3
ล้านบาท รวมถึงมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท สาหรับซื้อและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า มาตรการดังกล่าว
จะช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวกให้แก่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยระดับราคาใหม่นี้จะครอบคลุมหน่วยเหลือขายในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑลมากขึ้นถึง 54% (จากเดิม 4%) และอาจช่วยเพิ่มยอดโอนกรรมสิทธิ์ (ม.ค.-ส.ค.62) จาก 121,730
หน่วย ขยับไปแตะกรอบบนของประมาณการที่ 177,000 หน่วย หรือ หดตัว 10% เมื่อเทียบกับปี 2561
อย่างไรก็ตาม
ผลของมาตรการยังไม่อาจเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในภาพรวม
จากปัจจัยท้าทายต่างๆ ที่ยังคงอยู่ อาทิ กาลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวดี
ภาวะเศรษฐกิจที่มีผลต่อความเชื่อมั่น มาตรการ LTV ที่ยังมีผลบังคับใช้
จำนวนหน่วยค้างขายในตลาดที่ยังคงมีจำนวนสูง เป็นต้น
ทำให้กิจกรรมการลงทุนของผู้ประกอบการในอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลในช่วงเวลาที่เหลือของปี
2562 ไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2563 จะยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวังและรอบคอบ
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น