การส่งออกข้าวไทยกำลังเผชิญสภาวะยากลำบากทั้งจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 ปริมาณการส่งออกข้าวไทยรวมอยู่ที่ 6.54 ล้านตัน ปรับตัวลดลง 28.9% (YoY) คิดเป็นปริมาณการส่งออกลดลงกว่า 2.65 ล้านตัน โดยที่ราคาส่งออกข้าวไทยโดยเฉลี่ยสูงกว่าราคาส่งออกข้าวของประเทศคู่แข่งมาโดยตลอด หากพิจารณาปริมาณการส่งออกข้าวรายชนิด พบว่า ปริมาณการส่งออกข้าวขาวลดลงมากที่สุดกว่า 1.83 ล้านตัน ปรับตัวลง 39.0% (YoY) ซึ่งส่งผลต่อการหดตัวของการส่งออกข้าวโดยรวมมากที่สุด เนื่องจากข้าวขาวมีสัดส่วนปริมาณการส่งออกสูงสุด ในขณะที่ปริมาณการส่งออกข้าวหอมมะลิปรับตัวลง 11.8% (YoY) และข้าวนึ่งปรับตัวลง 11.6% (YoY)
ตลาดข้าวขาวถือเป็นตลาดข้าวใหญ่ที่มีการแข่งขันสูงในตลาดโลก จากปัจจัยที่ข้าวขาวเป็นข้าวในราคาระดับกลางทำให้ผู้ซื้อมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาโดยเปรียบเทียบมากกว่าข้าวระดับพรีเมี่ยมผู้ซื้อจึงมีแนวโน้มจะเลือกซื้อข้าวที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันในระดับราคาที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2561 ไทยมีการส่งมอบข้าวขาวภายใต้สัญญาแบบรัฐต่อรัฐ (G-to-G) กับประเทศจีน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมปริมาณการส่งออกกว่า 3 ล้านตัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การส่งออกข้าวไทยกำลังประสบปัญหาหลัก
ในชนิดข้าวที่มีการแข่งขันด้านราคารุนแรงและเป็นผลบางส่วนจากการค้าข้าว G-to-G ในปีก่อน
ในขณะเดียวกันประเทศคู่แข่งสำคัญได้มีการปรับปรุงพัฒนาพันธุ์ข้าวอย่างต่อเนื่อง เช่น ข้าวมาลีอังกอร์ ของประเทศกัมพูชา และข้าว ST24 ของประเทศเวียดนาม ซึ่งเน้นเจาะตลาดข้าวพรีเมี่ยมอย่างข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งผู้ซื้อมีแนวโน้มความอ่อนไหวต่อราคาน้อยกว่าข้าวขาวโดยเปรียบเทียบ และเลือกซื้อจากคุณภาพข้าวเป็นหลัก หากทั้ง 2 ประเทศสามารถปลูกข้าวพันธุ์ดังกล่าวและขยายตลาดส่งออกแข่งกับไทยได้ในอนาคต จะกลายเป็นปัจจัยผลักดันที่จะช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดที่สำคัญของไทยในระยะยาว ดังนั้นในสถานการณ์ที่ตลาดข้าวขาวมีการแข่งขันด้านราคาอย่างเข้มข้น ไทยจำเป็นต้องเร่งให้ความสำคัญในการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าวพรีเมี่ยม เพื่อยกระดับข้าวไทยให้พร้อมรับมือกับการแข่งขันด้านคุณภาพข้าวในตลาดโลก
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น