Display mode (Doesn't show in master page preview)

8 มกราคม 2563

Econ Digest

สหรัฐฯ-อิหร่าน เปิดโจทย์ใหม่รัฐบาลไทย ราคาน้ำมันดิบพุ่ง กระทบเงินเฟ้อไทย

คะแนนเฉลี่ย
​             สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านได้ยกระดับสูงขึ้น หลังการลอบสังหารนายพลกัสเซ็ม โซไลมานี ของอิหร่านในวันที่ 3 ม.ค. 2563 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ณ วันที่ 6 ม.ค. 2563 สูงขึ้น 7% แตะระดับ 70.5 เทียบกับสิ้นปี 2562 ที่ 66 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็นประเด็นที่ต้องติดตามว่า สหรัฐฯ และอิหร่านจะมีแผนปฏิบัติการทางทหารต่อจากนี้ในรูปแบบใด ซึ่งไม่ว่าใครจะช่วงชิงความได้เปรียบในการโจมตีกองกำลังทหารของอีกฝ่ายก่อน เรื่องดังกล่าวก็มีทีท่าว่าจะไม่ยุติลงง่ายๆ โดยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย ขึ้นอยู่กับระดับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และระยะเวลาที่ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง จากการประเมินในเบื้องต้น หากราคาน้ำมันดิบดูไบยืนที่ระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็นเวลา 6 เดือน คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 0.75% จากกรณีฐาน กล่าวคือ เงินเฟ้อทั่วไปจะขยับขึ้นมาเป็น 1.15%-1.65% ในขณะที่จะมีผลต่อ GDP ราว -0.08% (การประเมินดังกล่าวไม่รวมกรณีมีมาตรการดูแลราคาน้ำมันในประเทศ)

             นอกจากปัจจัยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อแรงกดดันเงินเฟ้อแล้ว แรงกดดันต่อค่าเงินบาทที่แข็งค่าอาจจะลดทอนลง ผ่านการลดลงของเกินดุลการค้าที่ลดลงจากการนำเข้าที่สูงขึ้น ส่งผลให้การดำเนินนโยบายการเงินเผชิญข้อจำกัดมากขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับการเผชิญสถานการณ์ภัยแล้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ดังนั้น บทบาทหลักในการประคองภาวะเศรษฐกิจในจังหวะที่เผชิญโจทย์ท้าทายรอบด้านจะอยู่ที่การดำเนินนโยบายการคลังเป็นหลัก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว คงมีน้ำหนักมากพอที่จะมีผลต่อทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกรวมถึงไทยให้เผชิญข้อจำกัดมากขึ้น



Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest