Display mode (Doesn't show in master page preview)

27 กรกฎาคม 2564

Econ Digest

การประชุม 27-28 ก.ค. 64 คาด...เฟดคงดอกเบี้ยฯ ที่ 0.0-0.25%

คะแนนเฉลี่ย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.0-0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 27-28 ก.ค. นี้ เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยจำนวนคนว่างงานสูงกว่าระดับก่อนโควิด-19 มาก  อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น แต่คาดว่าเฟดจะยังคงให้น้ำหนักต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก และน่าจะยังคงยืนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายไปอีกอย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเผชิญความเสี่ยงเชิงลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงอีกครั้ง รวมถึงความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์อื่นๆ เช่น สายพันธุ์แลมด้า และสายพันธุ์เอปซีลอน ซึ่งประสิทธิผลของวัคซีนที่มีอยู่ต่อสายพันธุ์เหล่านี้ยังคงไม่แน่ชัด ในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนของสหรัฐฯ ที่ชะลอลง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานการณ์แพร่ระบาดมากขึ้น ทั้งหมดนี้นำมาซึ่งความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มที่จะยังคงนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

จากความความเสี่ยงข้างต้น คาดว่าเฟดคงมีท่าทีที่ระมัดระวังและอดทนในการพิจารณาถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเฟดน่าจะยังคงยืนการเริ่มทำ QE tapering ในต้นปีหน้า และเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในปี 66 ตามที่ส่งสัญญาณไว้ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือน มิ.ย ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี หากความเสี่ยงต่างๆ ลดลง และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณความร้อนแรงของเศรษฐกิจ เช่น ตลาดแรงงานเข้าใกล้ระดับการจ้างงานเต็มที่ (Full employment) ซึ่งมีอัตราการว่างงานอยู่ที่ราว 4.5% อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นเกินระดับ 2.0% อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาสินทรัพย์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เฟดอาจถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด สำหรับผลกระทบต่อไทย หากเฟดส่งสัญญาณถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วกว่าตลาดคาด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยและต้นทุนการกู้ยืมนั้นปรับสูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวช้ากว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ   ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นโจทย์ที่ท้าทายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะต้องคอยติดตามสถานการณ์และพิจารณาออกมาตรการที่เหมาะสมต่อไปในระยะข้างหน้า​

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest