ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
สถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ล่าสุดที่ปรึกษาทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับการจำกัดการลงทุนในจีน นอกจากนี้ ประเด็นที่ยังต้องตามต่อเนื่องได้แก่ สถานการณ์การเมืองภายในของสหรัฐฯ สถานการณ์ BREXIT รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ และยูโรโซน
เงินบาทตลาดในประเทศแข็งค่าขึ้นวานนี้ (30 ก.ย.)
สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด
ส่วนเช้าวันนี้ (1 ต.ค.) เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.57-30.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เริ่มฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินยูโร ซึ่งมีปัจจัยลบจากตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมนีที่ออกมาอ่อนแอกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ
ตามแรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันและต่างชาติ จากความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้า
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดปะปน โดยตลาดหุ้นฝั่งเอเชียถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าสหรัฐฯ-จีนซึ่งส่อแววยืดเยื้อและขยายวงกว้างมากขึ้น อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา การที่ที่ปรึกษาทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับการจำกัดการลงทุนของสหรัฐฯ ในจีนว่าไม่เป็นความจริงนั้น ได้ช่วยผ่อนคลายความกังวลของตลาดต่อประเด็นการค้าสหรัฐฯ-จีน และหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น
ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงต่อเนื่องตลอด 5 วันทำการที่ผ่านมา โดยตลาดยังถูกถ่วง หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียสามารถฟื้นกำลังการผลิตน้ำมันได้เร็วกว่าที่คาด ส่วนราคาทองคำลดลง ท่ามกลางแรงขายทำกำไรสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุน และเงินดอลลาร์ฯ ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น