Display mode (Doesn't show in master page preview)

2 สิงหาคม 2562

Econ Digest

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดเงิน ตลาดทุนประจำวันนี้

คะแนนเฉลี่ย
​​​​

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:

  ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน (ล่าสุด ปธน.ทรัมป์ ทวีตข้อความว่าจะเรียกเก็บภาษีอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ฯ ในวันที่ 1 ก.ย.) ประเด็นความเสี่ยงของ BREXIT รวมถึงข้อมูลแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ โดย Baker Hughes ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญวันนี้ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย.

​​



เงินบาทอ่อนค่าลงวานนี้ (1 ส.ค.) ท่ามกลางแรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ หลังจากที่เฟดยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยครั้งต่อไป

ส่วนเช้าวันนี้ (2 ส.ค.) เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.88-30.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ** ขณะที่ตลาดจับตาแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เมื่อเทียบเงินสกุลหลัก หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ อาทิ ดัชนี ISM และ PMI ภาคการผลิต รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด ประกอบกับมีความเสี่ยงที่ความตึงเครียดของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนจะเพิ่มสูงขึ้น​





ตลาดหุ้นไทยปิดลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังเฟดยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยครั้งถัดไป ประกอบกับมีแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติและกลุ่มสถาบัน

ตลาดหุ้นต่างประเทศโดยรวมปิดลบ โดยตลาดหุ้นฝั่งเอเชียปรับตัวลง หลังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดบวกเล็กน้อย หลังเงินเยนอ่อนค่าช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่พึ่งพาการส่งออก ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม เนื่องจากปธน.ทรัมป์ ทวีตข้อความว่าจะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีนเพิ่ม โดยจะมีผลในวันที่ 1 ก.ย. นี้ ​




ราคาน้ำมันดิบร่วงลงหนัก จากความกังวลต่อสงครามการค้า หลังสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเก็บภาษีจากสินค้าจีนเพิ่ม แต่ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย


ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท.  **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.                             

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest