ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ประเด็นที่ยังต้องติดตามต่อเนื่อง ได้แก่ ข้อพิพาททางการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งล่าสุดทางการจีนได้ยื่นฟ้องต่อ WTO กรณีที่สหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการทางภาษีต่อสินค้าส่งออกจีนรอบล่าสุด นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์ Brexit ซึ่งมีสื่อรายงานว่าอาจมีการยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ รวมถึงการเมืองในอิตาลีซึ่งคาดว่าจะทราบผลการจัดตั้งรัฐบาลภายในวันพุธนี้ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค. และรายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค.
เงินบาทตลาดในประเทศขยับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย (2 ก.ย.)
โดยตลาดยังคงรอติดตามปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะความคืบหน้าของประเด็นสงครามการค้า หลังอัตราภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ และจีนเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. ที่ผ่านมา
ส่วนเช้าวันนี้ (3 ก.ย.) เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.62-30.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ
ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค แต่ได้แรงหนุนจากหุ้นบิ๊กแคปบางตัวช่วยประคองตลาดไว้
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดปะปน
โดยรวมตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย
ถูกกดดันจากความกังวลต่อผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ทางภาษีระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปิดบวก จากความคาดหวังว่ารัฐบาลจะออกมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อรับมือกับปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันลดลง ขณะที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลต่อสถานกาณ์ที่ตึงเครียดในประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น