ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ปัจจัยในประเทศที่นักลงทุนรอติดตาม ยังอยู่ที่รายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ สถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยล่าสุดทางการสหรัฐฯ ได้ประณามจีนว่าปั่นค่าเงิน รวมถึงสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย ซึ่งอาจมีมติปรับลดดอกเบี้ยลง
เงินบาทตลาดในประเทศแข็งค่าขึ้นวานนี้ (5 ส.ค.)
สอดคล้องทิศทางที่อ่อนแอของเงินดอลลาร์ฯ เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก และสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
ส่วนเช้าวันนี้ (6 ส.ค.) เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.80-30.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามสถานการณ์เงินหยวนอย่างใกล้ชิด หลังจากที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า จีนเป็นผู้ปั่นค่าเงิน
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ
ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ประกอบกับมีแรงเทขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันและกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดลบต่อเนื่อง
ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ส่อแววยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งล่าสุดตลาดมองว่าการอ่อนค่าของเงินหยวนและการระงับการสั่งซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ของบริษัทจีนเป็นการตอบโต้ของจีนต่อสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง จากความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ
และจีนรอบใหม่ ซึ่งอาจจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันของโลก ส่วนราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
รวมถึงมีปัจจัยบวกจากเงินดอลลาร์ฯ ที่อ่อนค่าลง
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น