ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
การประชุมครม.เศรษฐกิจในวันนี้ ซึ่งอาจจะมีการพิจารณามาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติม ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนส.ค. ของสหรัฐฯ รวมถึงรายงานจีดีพีไตรมาส 2/62 ของยูโรโซน ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ตลาดรอติดตามอื่นๆ ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟด สถานการณ์ BREXIT และการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ตลอดจนข้อมูลแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ โดย Baker Hughes
เงินบาทตลาดในประเทศแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องวานนี้ (5 ก.ย.)
เช่นเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค และสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ
ส่วนเช้าวันนี้ (6 ก.ย.) เงินบาทอ่อนค่ามาที่ 30.64-30.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินปลอดภัย หลังจากที่สหรัฐฯ-จีนกำหนดวันที่จะกลับมาเจรจาการค้ากันอีกครั้งในเดือนต.ค. นี้ นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนและข้อมูลภาคบริการของสหรัฐฯ เดือนส.ค. ที่ออกมาดีกว่าที่คาด ก็เป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน
ตลาดหุ้นไทยปิดบวก
ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ประกอบกับมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดบวกในภาพรวม
โดยมีปัจจัยหนุนจากรายงานข่าวที่ว่าสหรัฐฯ และจีนตกลงจะกลับมาเจรจากันอีกครั้งในช่วงต้นเดือนต.ค. ซึ่งช่วยคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นสงครามการค้า ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนและข้อมูลภาคบริการเดือนส.ค. ที่ออกมาดีกว่าคาด
ราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง หลัง EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงกว่าที่คาด ขณะที่ราคาทองคำลดลง เนื่องจากความหวังที่สหรัฐฯ
และจีนจะกลับมาเจรจาการค้ากันอีกครั้ง
ทำให้นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
และขายทำกำไรทองคำที่ปรับตัวขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น