ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ยังต้องตามต่อ ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐฯ-จีน ประเด็นความเสี่ยง BREXIT ซึ่งสหภาพยุโรปยังคงปฏิเสธที่จะเปิดการเจรจาครั้งใหม่กับอังกฤษ สัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ของ EIA
เงินบาทตลาดในประเทศแข็งค่าขึ้นวานนี้ (6 ส.ค.)
สอดคล้องกับทิศทางเงินหยวนซึ่งชะลอกรอบการอ่อนค่าลงบางส่วน หลังกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า จีนบิดเบือนค่าเงิน
ส่วนเช้าวันนี้ (7 ส.ค.) เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ขณะที่ตลาดรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินช่วงบ่ายวันนี้
ตลาดหุ้นไทยปิดบวกวานนี้
โดยมีแรงหนุนเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสาร ขณะที่นักลงทุนรอติดตามผลการประชุมกนง. ในวันนี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดปะปน
โดยรวมตลาดฝั่งเอเชียปิดลบจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการตอบโต้กันระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น หลังทางการจีนส่งสัญญาณว่า จะไม่ใช้เงินหยวนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้า ประกอบกับ ที่ปรึกษาทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์ ยังคงเปิดกว้างในการทำข้อตกลงการค้ากับจีน
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง จากความกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันของโลก อย่างไรก็ดี ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น หลังนักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น