ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ประเด็นที่นักลงทุนให้น้ำหนักในวันนี้น่าจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป ส่วนประเด็นอื่นๆ คงได้แก่ การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีท่าทีประนีประนอมมากขึ้น ความเป็นไปได้ในการกลับมาเจรจากันอีกครั้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน รวมถึงสถานการณ์ BREXIT ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
เงินบาทตลาดในประเทศ แข็งค่าขึ้นวานนี้ (11 ก.ย.) ท่ามกลางสัญญาณที่สะท้อนว่า ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจคลายตัวลงบางส่วน
ส่วนเช้าวันนี้ (12 ก.ย.) เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องมาที่ระดับประมาณ 30.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ตลาดหุ้นไทยปิดบวก สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ประกอบกับมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดบวกในภาพรวม โดยมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรปซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ รวมถึงประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน หลังจีนประกาศยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมต่อสินค้าสหรัฐฯ บางรายการ ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปรับลง จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง หลังมีรายงานข่าวว่า
ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์อาจผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน
เพื่อเปิดทางไปสู่การเจรจารอบใหม่ ขณะที่ราคาทองคำกลับมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า
อาจเห็นสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินจากธนาคารกลางยุโรปในการประชุมวันนี้ (12 ก.ย.)
และจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น