Display mode (Doesn't show in master page preview)

13 กันยายน 2562

Econ Digest

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดเงิน ตลาดทุนประจำวันนี้

คะแนนเฉลี่ย

​​ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
  ประเด็นการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งล่าสุดปธน. ทรัมป์เปิดเผยว่าอาจพิจารณาทำข้อตกลงการค้าชั่วคราวกับจีน นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์ BREXIT วิกฤตค่าเงินเปโซของอาร์เจนตินา รวมถึงข้อมูลแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ โดย Baker Hughes ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. และยอดค้าปลีกเดือนส.ค. 



เงินบาทตลาดในประเทศ แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 ปี (12 ก.ย.) สอดคล้องกับทิศทางที่แข็งค่าของสกุลเงินในภูมิภาค และแรงหนุนสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวม รับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
ส่วนเช้าวันนี้ (13 ก.ย.) เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องมาที่ระดับประมาณ 30.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ** ขณะที่กรอบการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ เริ่มจำกัด หลังตลาดรับรู้ผลการประชุม ECB ที่มีการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่ ECB ลง และประกาศโครงการซื้อสินทรัพย์รอบใหม่ไปมากแล้ว​



ตลาดหุ้นไทยปิดลบ เผชิญแรงเทขายทำกำไรก่อนรู้ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป ซึ่งนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดบวกในภาพรวม ทั้งนี้ รายงานข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีท่าทีที่ประนีประนอมมากขึ้นช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายโดยรวม ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินล่าสุดของธนาคารกลางยุโรป เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในยูโรโซน ​



ราคาน้ำมันลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ตลาดยังรอติดตามข้อสรุปของประเด็นข้อพิพาททางการค้าสหรัฐฯ-จีน นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากผลการประชุมโอเปกที่ไม่มีข้อสรุปเรื่องการลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม ขณะที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้น หลังเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก ​


ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท.  **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.                             

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest