ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
สถานการณ์ของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม ท่ามกลางสัญญาณที่สะท้อนความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก หลังจากเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พลิกกลับด้าน (Inverted Yield
Curve) ซึ่งทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว ส่วนปัจจัยอื่นที่ยังคงอยู่ในความสนใจ ได้แก่ การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน สถานการณ์ในฮ่องกง รวมถึงสถานการณ์
BREXIT
ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.
เงินบาทตลาดในประเทศอ่อนค่าลงวานนี้ (14 ส.ค.)
สอดคล้องกับการฟื้นตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ฯ ในภาพรวม ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย
ส่วนเช้าวันนี้ (15 ส.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 30.83-30.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขยับแข็งค่าขึ้นได้ต่อเนื่องเมื่อเทียบกับบางสกุลเงิน ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ ตามแรงฉุดของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายแห่งประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดปะปน โดยตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย ปิดบวก ขานรับข่าวที่สหรัฐฯ ประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ออกไป ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงในเวลาต่อมา ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังข้อมูลเศรษฐกิจของจีนและเยอรมนีมีทิศทางอ่อนแอ ซึ่งยิ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับสัญญาณภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก
ราคาน้ำมันดิบร่วงลง สวนทางราคาทองคำที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความกังวลต่อแนวโน้มถดถอยของเศรษฐกิจโลก
ที่มา:
ธปท.,
Bisnews, www.bloomberg.com
รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ:
*อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น