ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/62 ของไทย ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คงได้แก่ สถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งล่าสุดสื่อต่างประเทศรายงานว่าปธน. ทรัมป์ กล่าวว่าไม่อยากทำธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย เนื่องจากประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงแห่งชาติ สถานการณ์ในฮ่องกงที่ยังคงยืดเยื้อ สถานการณ์ BREXIT รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลางหลังสหรัฐฯ ออกหมายศาลยึดเรือบรรทุกอิหร่าน
เงินบาทตลาดในประเทศอ่อนค่าลงในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน (16 ส.ค.)
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นและพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเช้าวันนี้ (19 ส.ค.) เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบประมาณ 30.88-30.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ตลาดหุ้นไทยปิดบวก
ขานรับข่าวครม. เศรษฐกิจ เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม. ต่อไป
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดบวก
ทั้งนี้
ตลาดหุ้นจีน
ปรับขึ้น โดยมีแรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่าทางการจีนจะออกแผนกระตุ้นการบริโภคเพื่อพยุงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ปรับขึ้น หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี ช่วยผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้น
ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ออกมาดีกว่าที่คาด ช่วยคลายความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่ ราคาทองคำปรับลง ตามแรงขายของสินทรัพย์ปลอดภัย
ที่มา:
ธปท.,
Bisnews, www.bloomberg.com
รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ:
*อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น