ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
สัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากบันทึกการประชุมของเฟดในเดือนก.ค. สถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังนายกรัฐมนตรีประกาศลาออกจากตำแหน่ง ความเสี่ยงของประเด็น BREXIT ซึ่งยังไม่มีการเจรจารอบใหม่ระหว่างอังกฤษและ EU ปมความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐฯ-จีน
รวมถึงรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ของ EIA ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.
เงินบาทตลาดในประเทศแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (20 ส.ค.)
แม้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นและพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเช้าวันนี้ (21 ส.ค.)เงินบาททรงตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ที่ ประมาณ 30.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
โดยตลาดรอปัจจัยใหม่ๆ มากระตุ้น
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ ตามแรงขายทำกำไรหลังตอบรับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปพอสมควรแล้ว ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดปะปน ทั้งนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดบวก ขานรับข่าวสหรัฐฯ ขยายเวลาให้บริษัทหัวเว่ย ซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐฯ ได้อีก 90 วัน ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนรอประเมินสถานการณ์หลังการปฏิรูปดอกเบี้ยเงินกู้ ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลง ขณะที่นักลงทุนรอติดตามสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากบันทึกการประชุมเฟด
ราคาน้ำมันดิบทรงตัว โดยนักลงทุนรอจับสัญญาณสงครามการค้า และรอปัจจัยใหม่มากระตุ้น
ด้านราคาทองคำเริ่มขยับขึ้น
หลังนักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
ที่มา:
ธปท.,
Bisnews, www.bloomberg.com
รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ:
*อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น