ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
การประชุมครม. ในวันนี้ ซึ่งนักลงทุนอาจรอติดตามว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คงได้แก่ สถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งล่าสุดเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกอีกครั้ง หลังมีรายงานว่าจีนได้สั่งซื้อถั่วเหลืองจำนวน 6 แสนตันจากสหรัฐฯ สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงสถานการณ์ BREXIT ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. และดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค.
เงินบาทตลาดในประเทศทรงตัวในกรอบแคบๆ วานนี้ (23 ก.ย.)
ขณะที่ตลาดในประเทศรอประเมินท่าทีเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในช่วงที่เหลือของปีจากผลการประชุมกนง. กลางสัปดาห์ แม้จะคาดการณ์ว่า กนง.อาจจะพิจารณาคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิมที่ 1.50%
ในการประชุมรอบนี้ ก็ตาม
ส่วนเช้าวันนี้ (24 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับประมาณ
30.46-30.48
บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินยูโร หลังจากที่ดัชนี
PMI
ภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนเดือนก.ย. ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ
สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ประกอบกับมีแรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและสถาบัน
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดลบในภาพรวม
โดยตลาดหุ้นฝั่งเอเชียปรับลงจากความกังวลต่อความไม่แน่นอนในประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน แม้ทั้งสองฝ่ายจะเปิดเผยว่าการประชุมรอบรัฐมนตรีช่วยฯ ที่เสร็จสิ้นไปแล้วนั้นเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก จากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนซึ่งค่อนข้างอ่อนแอ
ราคาน้ำมันตลาดโลกเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลก และการฟื้นกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่ข้อมูล PMI ที่อ่อนแอของของยูโรโซน กระตุ้นความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น