ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า (ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งกับจีนซึ่งยกระดับขึ้น หลังทั้งสองฝ่ายออกมาตรการตอบโต้ทางภาษีรอบใหม่ระหว่างกัน ความขัดแย้งประเด็นภาษีดิจิทัลกับฝรั่งเศส และการทำข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น) ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.
เงินบาทตลาดในประเทศขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน (23 ส.ค.) สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ
ส่วนเช้าวันนี้ (26 ส.ค.) เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาที่ 30.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ ท่ามกลางความกังวลต่อความตึงเครียดของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
ตลาดหุ้นไทยปิดบวก
สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ประกอบกับมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันและกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดปะปน
โดยรวมตลาดหุ้นฝั่งเอเชียปรับขึ้น ก่อนสุนทรพจน์ของประธานเฟด ซึ่งถูกคาดหวังว่าบ่งชี้ถึงสัญญาณผ่อนคลาย ขณะที่
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ปรับลงในเวลาต่อมา ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังทั้งสองฝ่ายประกาศมาตรการตอบโต้ทางภาษีรอบใหม่ระหว่างกัน
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกร่วงลง ส่วนราคาทองคำพุ่งขึ้น ขณะที่นักลงทุนกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลต่อภาวะสงครามทางการค้า
หลังสหรัฐฯ และจีนตอบโต้กันด้วยการประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้ารอบใหม่
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น