ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
สถานการณ์การเมืองในประเทศ ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ปมขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังทางการจีนเปิดเผยวานนี้ว่าไม่ทราบเรื่องโทรศัพท์ซึ่งปธน. ทรัมป์กล่าวอ้างก่อนหน้านี้ว่า จะมีการกลับมาเจรจากันใหม่ระหว่างสองประเทศ สถานการณ์ Brexit ซึ่งล่าสุดพรรคฝ่ายค้านเปิดเผยว่าจะดำเนินการเพื่อป้องกันการออกจากสหภาพยุโรปโดยไร้ข้อตกลง รวมถึงรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ของ EIA
เงินบาทตลาดในประเทศขยับแข็งค่าขึ้น (27 ส.ค.)
ทดสอบแนว 30.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะกลับมาปิดที่ 30.59 บาทต่อดอลลาร์ฯ วานนี้ โดยการแข็งค่าของเงินบาท สอดคล้องกับแรงหนุนของสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตลาดรอติดตามสถานการณ์ของข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
ส่วนเช้าวันนี้ (28 ส.ค.) เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.62-30.63 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ
จากความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยการเมืองในประเทศและประเด็นการค้าสหรัฐฯ-จีนซึ่งยังมีความไม่แน่นอน
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดปะปน
โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับขึ้น ขานรับข่าวที่สหรัฐฯ จะไม่เรียกเก็บภาษีใหม่ต่อรถยนต์นำเข้าจากญี่ปุ่น ส่วนตลาดหุ้นจีนปรับขึ้นจากข้อมูลกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ที่ยังคงขยายตัว ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ปรับลงในเวลาต่อมา จากความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้า หลังจีนปฏิเสธไม่ทราบเรื่องปธน.ทรัมป์ อ้างว่า จะมีการกลับมาเจรจากันใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเพิ่มขึ้น
ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี
ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก และสงครามการค้า
จำกัดกรอบการปรับขึ้นของราคาน้ำมันไว้บางส่วน ขณะที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้น โดยมีแรงหนุนจากเงินดอลลาร์ฯ ที่อ่อนค่าลง
และการกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนเพื่อหลบความเสี่ยง
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น