ราคาน้ำมัน และ COVID-19 ฉุดการค้าชายแดนและผ่านแดนไทยปี 63 หดตัว 12.8%

​                  การลดลงของราคาน้ำมัน และมาตรการรับมือกับ COVID-19 ที่เริ่มแพร่ระบาดในเพื่อนบ้านของไทยบางประเทศทำให้การส่งออกสินค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ ไม่สดใสนัก หดตัว 8.6% (YoY) ขณะที่ COVID-19 ที่กำลังลุกลามในแต่ละประเทศยิ่งทำให้กำลังซื้อลดลงไปอีก อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดดังกล่าวก็ส่งผลให้สินค้าบางอย่างของไทยเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปผลิตเวชภัณฑ์ทางการแพทย์และอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับการ Work From Home หนุนให้การส่งออกสินค้าชายแดนและผ่านแดนจากไทยไปมาเลเซียกับสิงคโปร์ดูดีกว่าตลาดอื่น สำหรับตลาดกัมพูชา เมียนมาและ สปป.ลาว ยังต้องเผชิญแรงฉุดจากผลของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงตลอดปีนี้ ขณะที่ตลาดจีนที่ผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาแล้วน่าจะกลับมาเร่งตัวได้ก่อนใครในครึ่งปีหลัง แม้จะช่วยให้การส่งออกไปเวียดนามกระเตื้องขึ้นในบางสินค้าแต่ในหลายสินค้ายังต้องพึ่งกำลังซื้อจากการฟื้นตัวของตลาดโลกจึงทำให้ภาพรวมยังหดตัวค่อนข้างมาก 

                    ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การส่งออกสินค้าชายแดนและผ่านแดนไทยทั้งปี 2563 จะยังคงหดตัวที่ 12.8% โดยมีมูลค่าการส่งออกราว 804,300 ล้านบาท (กรอบประมาณการที่หดตัว 15% ถึงหดตัว 9% มูลค่าส่งออกที่ 784,000-839,400 ล้านบาท) อย่างไรก็ดี หากตลาดจีนและตลาดโลกฟื้นตัวดีกว่าที่คาด และราคาน้ำมันปรับตัวสูงกว่าระดับ 40 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล อาจช่วยให้การค้าหดตัวน้อยลงสู่กรอบบนของประมาณการ

                    นอกจากนี้ มาตรการห้ามคนเข้า-ออกชายแดนไทยเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของ COVID-19 แม้ไม่กระทบการส่งออกชายแดนและผ่านแดน แต่ทำให้ผู้คนและผู้ประกอบการค้าปลีกจากเพื่อนบ้านไม่สามารถข้ามมาหิ้วสินค้ากลับไปใช้และขายในประเทศของตนได้ และทำให้ไทยสูญเสียเม็ดเงินจากการที่ไม่มีคนจากประเทศเพื่อนบ้านข้ามแดนมาซื้อสินค้าบริเวณชายแดนไทยรวมทุกด่านไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อวัน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีคนเข้าออกคึกคักอย่างหนองคาย มุกดาหาร สงขลา สระแก้ว เชียงรายและตาก เป็นต้น