Display mode (Doesn't show in master page preview)

11 พฤษภาคม 2563

Econ Digest

ทิศทางค้าปลีก...หลังโควิด พฤติกรรมเปลี่ยน! กลยุทธเปลี่ยน!

คะแนนเฉลี่ย
        ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แผนการทยอยปลดล็อคมาตรการ Lockdown ของภาครัฐ ที่ในเบื้องต้นคาดว่าร้านค้าปลีกขนาดเล็กจะเปิดบริการวันที่ 4 พ.ค. 63 และร้านค้าปลีกขนาดใหญ่จะเปิดบริการ 1 มิ.ย. 63 นั้น แม้ว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีที่ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกมีโอกาสกลับมาสร้างรายได้ผ่านช่องทางหน้าร้านอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่กดดันการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกหลังจากนี้ โดยเฉพาะกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังคงอ่อนแรงต่อเนื่อง และความไม่มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย หากโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดรอบ 2 จึงทำให้ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลและอาจจะออกมาใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น

         ทั้งนี้ หากไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ภายในครึ่งปีแรก และไม่เกิดการระบาดใหม่รอบ 2 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ภาพรวมการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกในปี 2563 น่าจะยังคงหดตัวราว 5-8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะค้าปลีกที่ขายสินค้าไม่จำเป็น/ฟุ่มเฟือย เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าเฉพาะอย่างวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน น่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงและกลับมาฟื้นตัวได้ช้ากว่าค้าปลีกที่เน้นขายสินค้าจำเป็นพวกอุปโภคบริโภคอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ของโมเดิร์นเทรด ผู้ผลิตสินค้า และ Social Commerce

            ​วิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ อาจนำไปสู่การปรับรูปแบบการทำธุรกิจค้าปลีกที่เห็นภาพชัดขึ้น โดยเฉพาะการสร้างมาตรฐานทางด้านความสะอาดและความปลอดภัยต่อสุขภาพ จะกลายมาเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น ควบคู่ไปกับการรุกตลาดออนไลน์ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ ทั้งในแง่ของสินค้าและคุณภาพการให้บริการ ภายหลังจากที่ผู้บริโภคเกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ จากการกักตัวและทำงานที่บ้าน และกลายเป็นพฤติกรรมใหม่ที่เคยชินจนเป็นเรื่องปกติ



Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest