Display mode (Doesn't show in master page preview)

3 เมษายน 2563

Econ Digest

ไทยต้องทวงแชมป์ส่งออกข้าว ดันข้าวพื้นนิ่มขึ้น fighting Product

คะแนนเฉลี่ย

​สถานการณ์การส่งออกข้าวไทยในปี 2563 อาจยังต้องเผชิญปัจจัยลบที่รุมเร้ารอบด้าน ทั้งในเรื่องของการแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรง ปัญหาเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาท ภาวะภัยแล้ง จีนที่เปลี่ยนสถานะจากผู้นำเข้าเป็นผู้ส่งออก และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะทำให้การส่งออกข้าวไทยในปี 2563 ลดลงมาอยู่ที่ราว 6.2-6.6 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 12.9-18.1  นับเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในรอบ 7 ปี

ตลาดข้าวขาวของไทย (ข้าวพื้นแข็ง เช่น ข้าวเสาไห้) เป็นตลาดที่มีปัญหามากที่สุด เพราะมักได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคา และสถานการณ์ตลาดข้าวของโลก กำลังเปลี่ยนไปสู่การบริโภคข้าวที่มีโภชนาการหรือข้าวที่มีคุณภาพดีขึ้นในราคาที่ไม่แพงนักอย่างข้าวพื้นนิ่ม (คล้ายข้าวหอมมะลิ แต่ไม่มีกลิ่น เช่น พันธุ์ เช่น กข 21, ปทุมธานี 1)
ทำให้ส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยลดลง ซึ่งหากไทยยังคงเน้นการผลิตข้าวขาวพื้นแข็งเช่นนี้ต่อไป ก็อาจทำให้อนาคตการส่งออกข้าวไทยอยู่บนความเสี่ยง ดังนั้น ไทยจึงต้องหาทางออกด้วยการใช้ข้าวขาวพื้นนิ่ม ชูขึ้นมาเป็น Fighting Product เพื่อเข้ามาทำตลาดใหม่ๆ ในผู้บริโภคระดับกลางที่มีกำลังซื้อ เป็นการตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และยังเป็นการยกระดับข้าวไทยไปสู่ตลาดข้าวคุณภาพ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ที่ยั่งยืนแก่ทั้งชาวนาและผู้ส่งออก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า หากไทยสามารถส่งเสริมการปลูกข้าวขาวพื้นนิ่มในปี 2563 ได้ที่ราว 0.8 ล้านไร่ ด้วยการมีนโยบายของภาครัฐสนับสนุนแก่ชาวนาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนทำให้มีการเติบโตทั้งในด้านพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิต จะทำให้ไทยสามารถมีผลผลิตข้าวขาวพื้นนิ่มเพื่อส่งออกที่ราว 7 ล้านตันได้ในปี 2570 หรืออีกราว 7 ปีข้างหน้า และเป็นระดับที่ทำให้ไทยสามารถทวงส่วนแบ่งตลาดของข้าวขาวและข้าวหอมมะลิที่หายไปร้อยละ 5.2 คืนกลับมาได้  โดยจะทำให้ไทยสามารถครองส่วนแบ่งตลาดข้าวในโลกได้มากกว่าร้อยละ 24.5 เนื่องจากปริมาณส่งออกข้าวขาวพื้นนิ่มที่เพิ่มขึ้นจะสามารถชดเชยปริมาณส่งออกข้าวขาวพื้นแข็งและข้าวหอมมะลิที่ลดลงได้

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest