Display mode (Doesn't show in master page preview)

11 ตุลาคม 2564

Econ Digest

อุตฯ ยางล้อไทย...เสี่ยงเพิ่ม หลังสหรัฐฯ เก็บอากร AD

คะแนนเฉลี่ย

ไทยเป็นฐานผลิตและส่งออกยางล้อรถยนต์ที่สำคัญอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน แต่ละปีสามารถดึงดูดการลงทุนเข้ามาในอุตสาหกรรมยางล้อได้สูง โดยเฉพาะจากจีน ครึ่งแรกปี 2564 ยางล้อไทยส่งออกทั่วโลกเป็นมูลค่าถึง 4,738 ล้านดอลลาร์ฯ เป็นการส่งออกไปสหรัฐฯถึง 54% ทั้งนี้ หลังจากสหรัฐฯตัดสินให้ยางล้อรถยนต์นั่งและรถบรรทุกเล็กที่ส่งออกจากไทยต้องถูกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ทำให้ราคายางล้อกลุ่มนี้สูงขึ้น กระทบความสามารถการแข่งขัน แต่ยังไม่กระทบการส่งออกยางล้อโดยรวมของไทยไปสหรัฐฯปี 2564 นัก เนื่องจากยางล้อประเภทอื่นที่ไม่โดน AD ยังขยายตัวดีมาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด มูลค่าส่งออกยางล้อไทยไปสหรัฐฯปีนี้มีโอกาสขยายตัวไม่ต่ำกว่า 2.6% (YoY) คิดเป็นมูลค่าส่งออกมากกว่า 2,850 ล้านดอลลาร์ฯ แต่ในอนาคตอากร AD อาจมีผลต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมยางล้อไทยและการส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยางล้อสำหรับตลาด REM

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ต่อไปยางล้อรองรับตลาด REM ของแบรนด์หลักสัญชาติญี่ปุ่นและตะวันตกอาจลงทุนเพิ่มในไทยอย่างจำกัด แต่แบรนด์รองสัญชาติจีนที่ลงทุนอยู่แล้วมีโอกาสลงทุนเพิ่มและการส่งออกไปตลาดอื่นนอกเหนือจากสหรัฐฯมากขึ้น ขณะที่ยางล้อแบรนด์ใหม่จากจีนอาจมีตัวเลือกลงทุนมากขึ้น เช่น เวียดนามหรืออินโดนีเซีย ด้านตลาดยางล้อ OEM แม้มีสัดส่วนไม่ถึง 10% ของปริมาณการผลิตในไทย แต่ยางล้อแบรนด์หลักซึ่งมีเป้าหมายทำตลาด OEM ในไทยเป็นหลัก ยังมีโอกาสลงทุนเพิ่มเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ในไทยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของภูมิภาคเพื่อส่งออก 

สำหรับในอนาคต เพื่อลดผลกระทบจาก AD การใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิตเพื่อลดต้นทุนอาจจำเป็นมากขึ้น การมองไปสู่ตลาดเป้าหมายใหม่อย่างยางล้อรถยนต์ xEV จะช่วยเปิดตลาดใหม่ สร้างโอกาสการลงทุนและส่งออกมากขึ้น การเร่งเจรจา FTA กับประเทศที่เป็นตลาดยางล้อรถยนต์หลักของไทย อาจช่วยลดปัญหาที่เกิดจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่อาจกระทบการลงทุนได้อีกทาง




Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest