ในปี 2566 ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความกังวลทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและชะงักงัน ส่งผลต่อการดำเนินการด้านความยั่งยืน หรือ ESG ของภาคธุรกิจ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้รวบรวมประเด็นความท้าทายด้าน ESG ที่ภาคธุรกิจควรจับตามองในปี 2566 ดังนี้
- ความท้าทายทางเศรษฐกิจในปี 2566 ที่มีความไม่แน่นอนสูงและมีแนวโน้มชะลอตัว จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก ความผันผวนของราคาพลังงาน และข้อจำกัดในการหาแหล่งเงินทุนจากการก่อหนี้ ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน และการตัดสินใจลงทุนด้าน ESG ของภาคธุรกิจ
- มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของไทย (Thailand Taxonomy) ในภาคพลังงานและภาคขนส่ง โดยแบ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามการลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้แก่ เขียว เหลือง และแดง ซึ่งภาคธุรกิจสามารถอ้างอิงเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ต่ำลงได้หากจัดอยู่ในประเภทเขียวหรือเหลือง ในขณะที่กิจการในกลุ่มสีแดงอาจเผชิญกับข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น
- แนวโน้มการดำเนินมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรนแดนและร่างกฎหมายว่าด้วยสินค้าปลอดการทำลายป่าไม้ของสหภาพยุโรป การเตรียมใช้ร่างกฎหมาย Clean Competition Act ของสหรัฐฯ รวมทั้งแนวโน้มการผลักดันด้านการเปิดเผยข้อมูล (Disclosure) ที่หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น ถึงแม้ว่าบางพื้นที่ของสหรัฐฯ อาจมีการนำเคมเปญด้านการต่อต้านการดำเนินการด้าน ESG (Anti-ESG Campaign) ผ่านการออกกฎหมายในบางรัฐ แต่อาจเป็นเครื่องมือทางการเมืองมากกว่าการนำมาบังคับใช้จริง
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากความท้าทายดังกล่าวที่จะต้องจับตามองแล้ว ประเด็นเรื่องของการพัฒนาและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น เทคโนโลยีการดักจับ กักเก็บ และใช้ประโยชน์จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCUS) เทคโนโลยีการผลิตและการใช้เชื้อเพลิง พลังงานหมุนเวียน และพลังงานสะอาด เป็นต้น ที่จะมาเป็นอีกปัจจัยผลักดันให้การดำเนินการด้าน ESG และการบรรลุเป้าหมายทางการลดปัญหาสภาพภูมิอากาศตามแผนงานขององค์กรได้เห็นภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น