ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เฟดน่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 จากระดับร้อยละ 2.25-2.50 สู่ระดับร้อยละ 2.00-2.25 ตลอดจนมีโอกาสที่เฟดจะประกาศสิ้นสุดมาตรการปรับลดขนาดงบดุลในจังหวะที่เร็วขึ้นเพื่อสร้างหลักประกันต่อความต่อเนื่องของทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 30-31 กรกฎาคม 2562 ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดเป็นการส่งสัญญาณถึงความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมากกว่าการปรับลดลงจากสาเหตุที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอลง
มองไปข้างหน้า เฟดคงจะรอประเมินพัฒนาการทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ความเสี่ยงที่จะกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป ตลอดจน ผลจากการปรับเปลี่ยนการดำเนินนโยบายการเงินอย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะมีการตัดสินใจส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะต่อไป เฟดน่าจะยังคงมุมมองต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่รักษาระดับการเติบโตไว้ตามที่คาดการณ์ ขณะที่ประเด็นข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ตลอดจนพัฒนาการของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะความเสี่ยงจากประเด็น Brexit ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของยูโรโซนและสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นคู่ค้าที่สำคัญของสหรัฐฯ คงเป็นปัจจัยที่อาจมีผลต่อทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ ประเด็นข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีความลึกและซับซ้อนกว่าประเด็นการค้าเพียงอย่างเดียว ทำให้มีความเสี่ยงที่การบรรลุข้อตกลงการค้าอาจต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน รวมทั้ง มีโอกาสที่สหรัฐฯ อาจจะพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบใหม่ได้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวคงกดดันภาคการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจน อาจเป็นปัจจัยกดดันกำไรของภาคธุรกิจสหรัฐฯ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการบริโภคสหรัฐฯ ในระยะต่อไป โดยหากสถานการณ์ข้อพิพาททางการค้าและการเติบโตเศรษฐกิจโลกปรับตัวในทิศทางแย่ลงในระยะข้างหน้า อาจเปิดโอกาให้เฟดสามารถที่จะพิจารณาผ่อนคลายการดำเนินนโยบายการเงินเพิ่มขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น