Display mode (Doesn't show in master page preview)

26 เมษายน 2556

K-Econ Analysis

KR Daily Update ฉบับประจำวันที่ 26 เมษายน 2556

คะแนนเฉลี่ย

ประเด็นเด่นวันนี้
- รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กล่าวภายหลังร่วมหารือกับธปท. และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ถึงแนวทางแก้ปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าว่า ยังไม่มีความจำเป็นจะต้องออกมาตรการในขณะนี้ หลังจากที่เงินบาทเริ่มมีทิศทางอ่อนค่าลง แต่มีมาตรการที่พร้อมใช้แก้ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทถ้าจำเป็น โดยที่ประชุมฯ มีความเห็นสอดคล้องกันว่า เงินบาทที่แข็งค่ากว่าระดับ 29.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ นั้น อาจมีผลกระทบต่อการส่งออกและจีดีพีในภาพรวม ซึ่งจะไม่ปล่อยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ยังอยู่ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แต่ระดับอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.75 เป็นสาเหตุให้มีเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตร ซึ่งที่ประชุมฯ เห็นว่าหากมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.75 ไว้ตามเดิม ก็จะต้องมีการเตรียมมาตรการอื่นๆ มาดูแลเพิ่มเติม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จากผลการประชุมร่วมกันของหลายหน่วยงานที่ดูแลเศรษฐกิจในครั้งนี้ ทำให้สัญญาณของมาตรการดูแลความเคลื่อนไหวและผลกระทบของเงินบาทนั้น ขึ้นอยู่กับหลายๆ ประเด็นในช่วงหลังจากนี้ จนถึงรอบการประชุมถัดไปของกนง.วันที่ 29 พ.ค. 2556 ได้แก่ โมเมนตัมของเศรษฐกิจไทยที่สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนมี.ค. (30 เม.ย.) และข้อมูลจีดีพีประจำไตรมาส 1/2556 (20 พ.ค.) ซึ่งน่าจะซึมซับผลกระทบบางส่วนของทิศทางการแข็งค่าของเงินบาท ขณะที่ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนไหวต่อสัญญาณลบจากฝั่งยูโรโซน รวมถึงระดับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะมีผลทางอ้อมต่อบรรยากาศการลงทุนของตลาดเงิน-ตลาดทุนโลก กระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ และการประคองทิศทางเงินบาทให้ยืนเหนือระดับ 29 บาทต่อดอลลาร์ฯ ตามแนวทางของที่ประชุมฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผ่านพ้นช่วงสิ้นเดือนที่มีแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ของกลุ่มผู้นำเข้า และแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ ของนักลงทุนแล้วบ้างบางส่วนในสัปดาห์นี้ในช่วงก่อนการประชุมฯ วันนี้


- ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยเดือนมี.ค. 2556 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.54 (YoY) จากช่วงเดียวกันปีก่อนโดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และกลุ่มที่เน้นตลาดในประเทศขยายตัวร้อยละ 21.24 (YoY) และร้อยละ 0.68 (YoY) ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นตลาดส่งออก หดตัวลงร้อยละ 8.78 (YoY) ตามการหดตัวของสินค้ากลุ่มอาหารแปรรูป ผักผลไม้แปรรูป ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเครื่องแต่งกายและเครื่องหนัง ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมี.ค. 2556 อยู่ที่ร้อยละ 70.35 สำหรับในไตรมาส 1/2556 ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.90 (YoY) เทียบกับร้อยละ 43.84 (YoY) ในไตรมาสก่อน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 66.77 ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 66.95 ในไตรมาส 4/2555 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยอาจต้องเผชิญความท้าทายมากขึ้นจากทิศทางค่าเงินบาทและภาวะเศรษฐกิจโลก ที่ย่อมจะส่งชะลอการฟื้นตัวของการผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นตลาดส่งออก ขณะที่ การใช้จ่ายในประเทศที่อาจไม่มีปัจจัยหนุนที่หลากหลายเช่นในปีที่ผ่านมา ก็อาจทำให้อัตราการขยายตัวของการผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นตลาดในประเทศ อยู่ในระดับที่ไม่ร้อนแรง ยกเว้นบางหมวดที่ยังเติบโตได้ดีตามบรรยากาศการทำธุรกิจที่ได้อานิสงส์จากโครงการใช้จ่ายของภาครัฐ ดังนั้น คงต้องติดตามบทบาทภาครัฐบาลในการเร่งผลักดันการเบิกจ่ายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และมาตรการในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ส่งออก ซึ่งอาจช่วยหนุนให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยยังสามารถประคองอัตราการขยายตัวได้ต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

- ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของโลกมียอดขายสูงถึง 101.4 พันล้านซองในปี 2555 จากรายงานของ World Instant Noodles Association ระบุว่ายอดขาย 3 อันดับแรกอยู่ในจีน(รวมฮ่องกง) มียอดขายประมาณ 44 พันล้านซอง ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 14.1 พันล้านซอง และญี่ปุ่น 5.4 พันล้านซอง และเวียดนามราว 5.1 พันล้านซอง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า อาหารปรุงสะดวกเริ่มทำตลาดมาได้ราว 5 ทศวรรษ โดยประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกๆ ที่ทำตลาดด้วยการริเริ่มผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในช่วงปี 2501 มีจุดเด่นที่ความสะดวกในการรับประทาน ทั้งการรับประทานแบบแห้งหรือใส่น้ำร้อน รวมทั้งสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ในหลายกลุ่มด้วยราคาประหยัด จึงได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลังเนื่องจากสามารถตอบโจทย์การบริโภคของคนเมืองที่ในปัจจุบันใช้ชีวิตเร่งรีบ ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้า คาดว่า การเติบโตของธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะเป็นที่น่าจับตามากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงกระจายความเป็นเมือง (เพื่อกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น) ซึ่งย่อมจะมีผลทางอ้อมทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตมีความเร่งรีบมากขึ้น

Disclaimer
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงข้อมูลได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วง หน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯจะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใด



ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


K-Econ Analysis