ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า หากไม่มีปัจจัยใดที่มากระทบต่อภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกอย่างรุนแรง หรืออยู่ภายใต้ความสามารถในการบริหารจัดการของผู้ประกอบการและหน่วยงานภาครัฐ ก็เชื่อว่า ธุรกิจค้าปลีกในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุนทางด้านนโยบายลดค่าครองชีพของภาครัฐ การชะลอการปรับขึ้นราคาสินค้าของผู้ผลิต รวมถึงการเร่งทำกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการค้าปลีก ที่จะช่วยหนุนให้ธุรกิจค้าปลีกในช่วงครึ่งหลัง ปี 2555 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง จนทำให้ภาพรวมของมูลค่าจีดีพีของธุรกิจค้าปลีกทั้งปี 2555 น่าจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4.8-6.0 (YoY) แต่ทั้งนี้ หากพิจารณายอดขายปลีกสินค้าบริโภคสินค้าอุปโภคบริโภค (ณ ราคาปีปัจจุบัน ตามฐานตัวเลขการบริโภคของสศช.) ในปี 2555 น่าจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 7.0-9.0 (YoY)
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยหลายประการที่ต้องพิจารณาในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และส่งผลต่อเนื่องถึงภาพรวมของธุรกิจค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็น ปัจจัยเสี่ยงทางด้านอุทกภัย และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังคงสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการค้าปลีก รวมถึงวิกฤตหนี้ยูโรโซนที่อาจจะมีผลต่อภาคธุรกิจส่งออกของไทยและส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในทางอ้อม ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่า สถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกในช่วงครึ่งปีหลังปี 2555 น่าจะเข้มข้นยิ่งขึ้นในลักษณะของการเปิดเกมรุกบุกตลาดกันอย่างเต็มที่ เพื่อช่วงชิงกำลังซื้อของผู้บริโภค
ทั้งนี้ นอกจากกลยุทธ์ในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในระยะสั้นแล้ว ความเคลื่อนไหวของธุรกิจค้าปลีกที่เห็นได้ชัด คือ แผนการรุกขยายสาขาและการปรับปรุงซ่อมแซมสาขาเดิม (Renovate) อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายสาขาออกไปยังต่างจังหวัด (อาทิ เชียงใหม่ สงขลา อุดรธานี) ด้วยความคาดหวังที่จะให้เป็นฐานในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะผลจากการเปิดเสรี AEC ในปี 2558 ที่คาดว่าจะทำให้ภาคธุรกิจค้าปลีกมีความคึกคักมากขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น