ภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องรับโทรทัศน์ตั้งแต่ต้นปี 2556 ที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากการชะลอการซื้อเครื่องรับโทรทัศน์ของผู้บริโภค เนื่องจากผู้บริโภคต่างรอดูความชัดเจนในเรื่องของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบทีวีดิจิตอลจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อย่างไรก็ตามภายหลังจากกสทช. ได้ออกมารับรองมาตรฐานเครื่องรับโทรทัศน์ที่มีจูนเนอร์ระบบดิจิตอลแบบ DVB-T2 ในตัว และกล่องรับสัญญาณดิจิตอล ให้แก่ผู้ประกอบการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องรับโทรทัศน์และกล่องรับสัญญาณรายใหญ่ พร้อมกับให้ความชัดเจนในเรื่องระยะเวลาการแพร่ภาพการออกอากาศทีวีดิจิตอล ประกอบกับมหกรรมฟุตบอลโลกครั้งที่ 20 ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในช่วงกลางปี 2557 ย่อมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ตลาดเครื่องรับโทรทัศน์กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตลาดเครื่องรับโทรทัศน์มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี 2556 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2557 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากหลายด้าน อาทิ การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบทีวีดิจิตอล การแพร่ภาพฟุตบอลโลกในช่วงกลางปี 2557 การทำการตลาดของผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเพื่อกระตุ้นยอดขายเครื่องรับโทรทัศน์ ราคาของเครื่องรับโทรทัศน์ที่มีเทคโนโลยีเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปรับตัวลดลง ตลอดจนการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายของผู้ประกอบการรายใหญ่ อย่างไรก็ดี ก็ยังคงมีหลากปัจจัยกดดันตลาดเครื่องรับโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ทางการเมือง ปัญหาหนี้ครัวเรือนสะสม การชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัย รวมไปถึงกำลังซื้อของเกษตรกรในต่างจังหวัดลดลง
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลาดเครื่องรับโทรทัศน์ในปี 2557 จะมีการเติบโตอยู่ในกรอบร้อยละ 9.5-13.9 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 37,900-39,300 ล้านบาท ด้วยยอดขายเครื่องรับโทรทัศน์จำนวน 3.2-3.4 ล้านเครื่อง หรือมีการขยายตัวร้อยละ 9.8-16.8 ขณะที่ปี 2556 ตลาดเครื่องรับโทรทัศน์มีการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.6 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 34,500 ล้านบาท โดยมียอดขายเครื่องรับโทรทัศน์จำนวน 2.9 ล้านเครื่อง หรือมีการขยายตัวร้อยละ 11.5
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น