ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สำรวจพฤติกรรมคนกรุงเทพฯในช่วงเทศกาลกินเจปี 2558 จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนกรุงเทพฯหรือเป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาศึกษาหรือทำงานในกรุงเทพฯ 400 คน โดยในช่วงเทศกาลกินเจปี 2558 นี้ กลุ่มตัวอย่างสัดส่วนร้อยละ 68 กินเจ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากในปี 2557 ที่มีสัดส่วนร้อยละ 66 ในจำนวนนี้ สัดส่วนร้อยละ 50 ใช้บริการร้านอาหารเจ ใกล้เคียงกับในปี 2557 ที่มีสัดส่วนร้อยละ 51
แม้คนกรุงเทพฯจะยังใช้บริการร้านอาหารเจสัดส่วนใกล้เคียงกับในปี 2557 แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงส่งผลให้คนกรุงเทพฯปรับรูปแบบการใช้บริการร้านอาหารเจ โดยซื้ออาหารเจสำเร็จรูปจากร้านอาหารมารับประทานมากขึ้น เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อมื้อต่ำกว่าการกินเจที่ร้านอาหาร รวมถึงยังแบ่งรับประทานได้หลายคน หรือแบ่งรับประทานได้หลายมื้อ แตกต่างจากในปี 2557 ที่คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่กินเจที่ร้านอาหาร
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในช่วงเทศกาลกินเจวันที่ 13-21 ตุลาคม 2558 นี้ จะมีเม็ดเงินสะพัดร้านอาหารเจในกรุงเทพฯ ทั้งการกินเจที่ร้านอาหาร และการเลือกซื้ออาหารเจสำเร็จรูป จากร้านอาหารทั่วไป และเชนร้านอาหาร มูลค่า 2,200 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10 จากในช่วงเทศกาลกินเจปี 2557 โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของเม็ดเงินการซื้ออาหารเจสำเร็จรูปจากร้านอาหาร และการกินเจที่ร้านอาหาร ที่ต่างก็เพิ่มบริการอาหารเจเพื่อดึงดูดลูกค้าในช่วงเทศกาลกินเจเป็นพิเศษ
ในช่วงเทศกาลกินเจปี 2558 นี้ ร้านอาหารสามารถปรับกลยุทธ์โดยนำเสนอจุดขายด้านความพิถีพิถันในการปรุงอาหารเจ ซึ่งแตกต่างจากการให้บริการอาหารทั่วไป รวมถึงดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ไม่กินเจที่อาจมีเหตุผลอื่นๆ เช่น กลัวได้รับคุณค่าทางโภชนาการไม่ครบถ้วน อาหารเจไม่อร่อย เป็นต้น ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหารเจ อีกทั้งการจัดงานเทศกาลกินเจในพื้นที่ต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ตลาดนัด เป็นต้น ยังสะท้อนโอกาสสำหรับร้านอาหารเจในการเข้าร่วมออกบูธ
สำหรับในระยะยาว ร้านอาหารสามารถอาศัยช่วงเทศกาลกินเจเป็นจุดเริ่มต้นสร้างภาพลักษณ์ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เจาะกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่ใส่ใจต่อสุขภาพอย่างสม่ำเสมอหรือเป็นไลฟ์สไตล์ เช่น รับประทานอาหารคลีน รับประทานอาหารมังสวิรัติ เป็นต้น นอกเหนือจากการเจาะลูกค้าที่รับประทานอาหารเจในช่วงเทศกาลกินเจเท่านั้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น