- ปัจจุบัน ทางการไทยกำลังเดินหน้าตามแผน National e-Payment ซึ่งถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญที่จะพลิกโฉมรูปแบบการชำระเงินของไทยในอนาคต ซึ่งหากเป็นไปตามแนวทางที่วางไว้ภายในสิ้นปี 2560 คงจะมีผลให้ พฤติกรรมการชำระเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือนไทยแตกต่างออกไปจากปัจจุบันอย่างชัดเจนขึ้น
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ผู้บริโภคน่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะการโอนเงิน-ชำระเงินในชีวิตประจำวันจะมีความสะดวกมากขึ้นไม่ต้องพกเงินสดมากเหมือนเมื่อก่อน เป็นผลจากค่าธรรมเนียมการใช้บริการโอนเงินต่อรายการที่ถูกลง มูลค่าขั้นต่ำในการชำระเงินโดยใช้บัตรได้ที่ลดลง ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น และการติดต่อภาครัฐที่จะมีความสะดวกมากขึ้น
- ในขณะที่ผลกระทบต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจนั้น จะส่งผลให้จำนวนผู้ให้บริการชำระเงินรายใหม่เพิ่มขึ้น ธุรกิจ E-Commerce ขยายตัวเพิ่มขึ้น และลดต้นทุนของระบบเศรษฐกิจในภาพรวม
- กลไกสำคัญในการสนับสนุนแผนดังกล่าวให้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมคงต้องอาศัยการประสานงานใน 3 ด้าน คือ การสนับสนุนและความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบายจากภาคส่วนต่างๆ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อสนับสนุนการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ โครงสร้างราคาค่าธรรมเนียมที่จูงใจ ตลอดจนการเปิดโอกาสให้มีผู้เล่นเพิ่มเติมในแต่ละขั้นตอนของระบบชำระเงิน ซึ่งจะกระตุ้นให้มีการแข่งขันเพิ่มขึ้นและสะท้อนผ่านค่าธรรมเนียม/ค่าบริการที่ลดลงในที่สุด
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น