การส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวดีติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ที่ร้อยละ 8.8 YoY ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในปีก่อนประกอบกับได้แรงหนุนจากการขยายตัวสูงของการส่งออกทองคำและสินค้าที่ราคาผูกโยงกับราคาน้ำมัน ในขณะที่เมื่อหักมูลค่าส่งออกทองคำและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันแล้ว การส่งออกสินค้าของไทยในเดือนแรกของปี 2560 ขยายตัวที่ร้อยละ 4.8 YoY โดยสินค้าที่ส่งออกได้ดีในเดือนนี้ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบและแผงวงจรไฟฟ้า
เมื่อพิจารณาในรายตลาดส่งออกพบว่า การส่งออกสินค้าไทยไปยัง 5 ตลาดหลักอย่างจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป(15) และอาเซียน(9) ยังรักษาโมเมนตัมการเติบโตที่ดีต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากทางด้านราคาสินค้าที่เกี่ยวโยงกับน้ำมัน รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าไปยังตลาดตะวันออกกลาง(15) ยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า อัตราการขยายตัวของการส่งออกสินค้าไทยในแต่ละเดือนของปี 2560 จะมีการแกว่งตัวค่อนข้างสูงตามฐานของปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นปัจจัยเชิงเทคนิค ในขณะเดียวกัน แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยจะเริ่มค่อยๆ ผ่อนแรงลงในแต่ละเดือน นั่นเป็นเพราะการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตลอดปี 2560 คาดว่าจะมีทิศทางที่ค่อนข้างทรงตัวจากช่วงปลายปี 2559 เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกยังถูกถ่วงด้วยอุปทานน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นแม้ว่า OPEC และ Non-OPEC จะลดกำลังการผลิตลงแล้วก็ตาม ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงยังคงประมาณการมูลค่าส่งออกสินค้าในปี 2560 ว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 0.8 YoY หรืออยู่ในช่วงกรอบประมาณการที่ร้อยละ -0.5 ถึง (+) 2.5 YoY อย่างไรก็ตาม หากทิศทางการขยายตัวของการส่งออกสินค้าศักยภาพของไทย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในหมวดอาหาร รถยนต์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รวมถึงสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ยังสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตที่ต่อเนื่องได้ ก็มีโอกาสที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยอาจจะปรับเพิ่มประมาณการในระยะข้างหน้า
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น