เทคโนโลยีของเครื่องรับโทรทัศน์นั้นได้รับการพัฒนาไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีของจอภาพได้รับการพัฒนาจากเดิมเป็นโทรทัศน์ระบบหลอดภาพซีอาร์ที (Cathode Ray Tube) และมาเป็นเทคโนโลยีจอภาพต่างๆ เช่น จอพลาสมา (Plasma) และจอแอลซีดี (LCD) และมีการขยายขนาดของจอภาพให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพความคมชัดและสีสันสวยงามมากขึ้นด้วย นอกจากนี้การพัฒนาของระบบการส่งสัญญาณภาพจากอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิทัลก็ทำให้รูปแบบหรือคุณสมบัติของเครื่องรับโทรทัศน์นั้นจะต้องสอดคล้องกับสัญญาณภาพและเสียงที่จะส่งเข้ามา รวมไปถึงการหลอมรวมของเทคโนโลยีของสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ก็ทำให้รูปแบบการรับชมรายการมีการเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่อการพัฒนาเครื่องรับโทรทัศน์ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและความต้องการของผู้รับชมโทรทัศน์ด้วย ในด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมการผลิตโทรทัศน์นั้นมีความเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ในขณะเดียวกันในแง่ของการตลาดนั้นก็มีแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในประเทศที่มีปัจจัยลบหลายด้านที่เข้ามากระทบตลาด ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค สำหรับสถานการณ์ในปี 2550 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ตลาดเครื่องรับโทรทัศน์ในประเทศอาจมียอดขายเติบโตในอัตราที่ค่อนข้างน้อยประมาณร้อยละ 2-3 ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมีปริมาณการจำหน่ายประมาณ 2.7 ล้านเครื่อง คิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้ตลาดเครื่องรับโทรทัศน์จอภาพแอลซีดีนั้จะมีอัตราการขยายตัวของตลาดสูงสุด ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดโลก คาดการณ์ว่า ตลาดเครื่องรับโทรทัศน์ในประเทศอาจมียอดขายเติบโตในอัตราที่ค่อนข้างน้อยประมาณร้อยละ 2-3 ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมีปริมาณการจำหน่ายประมาณ 2.7 ล้านเครื่อง คิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้ตลาดเครื่องรับโทรทัศน์จอภาพแอลซีดีนั้จะมีอัตราการขยายตัวของตลาดสูงสุด ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดโลก
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น