ตลาดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุในไทยมีแนวโน้มเติบโต
จากฐานประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่ม
แต่ด้วยกำลังซื้อผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่ไม่ได้สูงมาก
ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจึงควรปรับกลยุทธ์รับความท้าทายดังกล่าว
เบื้องต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า
มูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุปี 2567
อาจอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 34,000 ล้านบาท ขยายตัวราว 6%YoY
ซึ่งตัวเลขดังกล่าวให้ภาพการเติบโตแบบระมัดระวัง
โดยเป็นผลจากการขยายตัวของฐานประชากรกลุ่มผู้สูงอายุที่มีศักยภาพเป็นหลัก
โดยตลาดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท หลักคือ
- อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุทั่วไป
คิดเป็นสัดส่วน 92% ของมูลค่าตลาดอาหารเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุ
ซึ่งเหมาะต่อการเจาะตลาดในระยะแรก
เพราะเข้าถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความเต็มใจจ่ายและต้องการอาหารที่เข้ามาช่วยส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้ไม่ยาก
อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารออร์แกนิก
อาหารที่ปรับปริมาณสารอาหารให้เหมาะสมกับวัยกับโรค (ไขมัน น้ำตาล
โซเดียมต่ำ)
โดยเน้นชูคุณภาพวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุ
ภายใต้ราคาที่เข้าถึงง่าย
- อาหารทางการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง
แม้จะมีสัดส่วนในตลาดเพียง 8%
แต่มีแนวโน้มเติบโตจากจำนวนผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงที่จะเพิ่มขึ้นจาก
4.1 แสนคนในปี 2564 คาดเพิ่มเป็นเท่าตัวที่ 8.3 แสนคน ภายในปี 2580
กลุ่มนี้ต้องการอาหารที่เฉพาะเจาะจง เหมาะสมกับโรค สภาพร่างกายและการรักษา
ซึ่งโอกาสอาจอยู่ที่การร่วมมือกับสถานพยาบาล
ในการผลิตหรือหาช่องทางจำหน่ายร่วมกันโดยกลุ่มอาหาร
ไปข้างหน้า ตลาดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุ
ยังเติบโตได้แบบค่อยเป็นค่อยไป ตามการเพิ่มขึ้นประชากรผู้สูงอายุไทย
ซึ่งหากผู้ประกอบการมีการขยายการลงทุนและรุกตลาดมากขึ้น
จนทำให้มีสินค้าหลากหลาย และทำราคาให้เข้าถึงได้ง่าย
ก็ยังมีโอกาสขยายฐานลูกค้าผู้สูงอายุไปยังกลุ่มอื่นๆ เช่น
ผู้สูงอายุในต่างจังหวัด
รวมถึงโอกาสในการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศที่มีจำนวนผู้สูงอายุมาก อาทิ
ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป เป็นต้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น