จากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดเดือนธ.ค.2551 ของธปท. ทำให้ได้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4/2551 ซึ่งสะท้อนว่าทุกภาคเศรษฐกิจของไทยกำลังอ่อนแอลงอย่างมาก โดยการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวเพียงร้อยละ 0.7 (YoY) ในไตรมาส 4/2551 เทียบกับที่ขยายตัวถึงร้อยละ 5.2 ในไตรมาส 3/2551 ในขณะที่ รายได้เกษตรกรขยายตัวเพียงร้อยละ 17.1 (YoY) ในไตรมาส 4/2551 ลดลงจากที่ขยายตัวถึงร้อยละ 57.4 ในไตรมาส 3/2551 ส่วนการลงทุนภาคเอกชนพลิกกลับมาหดตัวลงร้อยละ 0.1 ในไตรมาส 4/2551 หลังจากที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ไตรมาสก่อนหน้า สำหรับผลผลิตภาคอุตสาหกรรมพลิกกลับมาหดตัวลงเช่นกัน โดยหดตัวร้อยละ 8.1 (YoY) ในไตรมาส 4/2551 หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 7.6 ในไตรมาส 3/2551
นอกจากนี้ การส่งออกซึ่งเป็นแรงหนุนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย ต้องเผชิญกับภาวะที่ยากลำบาก เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่ม G-3 และเศรษฐกิจเพื่อนบ้านในเอเชียที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทยนั้น มีแนวโน้มหดตัวลงอย่างรุนแรง ทั้งนี้ การส่งออกของไทยหดตัวลงถึงร้อยละ 9.4 ในไตรมาส 4/2551 หลังจากที่ขยายตัวถึงร้อยละ 28.4 ในไตรมาส 3/2551 โดยสินค้าหมวดเกษตรที่เคยขยายตัวได้อย่างโดดเด่นในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2551 พลิกกลับมาหดตัวถึงร้อยละ 19.6 ในไตรมาส 4/2551
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจทั่วโลกที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยพร้อมๆ กันนั้น อาจส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกของไทยในปีนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยมองว่า การส่งออกของไทยอาจหดตัวลงประมาณร้อยละ 7.0 ในปี 2552 เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 16.8 ในปี 2551 ซึ่งเป็นนัยว่าภารกิจในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอาจต้องพิจารณาให้ครอบคลุมโจทย์ในหลายๆ ด้าน และมีแนวทางที่ชัดเจนในการประคับประคองเศรษฐกิจไทยให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยปัจจัยลบจากทั้งในและต่างประเทศ โดยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2552 อาจขยายตัวเพียงร้อยละ 1.5 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าระดับศักยภาพ เทียบกับที่คาดว่าอาจจะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3.0 ในปี 2551
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น