ค่าใช้จ่ายเปิดเทอมในปีการศึกษา 2552 นับว่าเป็นปีแรกที่บรรดาผู้ปกครองมีภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเปิดเทอมลดลงบางส่วน อันเนื่องจากนโยบายเรียนฟรี 15 ปี โดยมาตรการดังกล่าวน่าจะถือได้ว่าเป็นปัจจัยบวกต่อกำลังซื้อของผู้ปกครอง และเป็นผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกในระดับหนึ่ง แม้ว่าโดยรวมแล้วภาวะการค้ายังถูกกระทบจากการหดตัวของเศรษฐกิจ และการรัดเข็มขัดของบรรดาผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม เงินอุดหนุนของรัฐบาลจากโครงการเรียนฟรี 15 ปีนี้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับบรรดาผู้ปกครองมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับ
1.กรณีที่บุตรหลานอยู่ในสถานศึกษาของรัฐบาล ซึ่งโดยปกติค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมของบรรดาผู้ปกครองในกลุ่มนี้ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์สูงมากนักเมื่อเทียบกับสถานศึกษาเอกชน ดังนั้นเงินอุดหนุนนี้ลดภาระค่าใช้จ่ายได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นแต่ค่าใช้จ่ายในกลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ทางโรงเรียนบางแห่งขอเรียกเก็บเพิ่มเติมบ้าง ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยเฉพาะค่ารถโรงเรียน ค่าอาหารกลางวัน และค่าเรียนกวดวิชา หรือเรียนเสริมทักษะนั้นก็ยังเป็นภาระของผู้ปกครองที่ยังต้องจ่ายต่อไป นอกจากนี้ ยังยกเว้นในกรณีที่ผู้ปกครองต้องการให้ลูกอยู่ในห้องที่มีการสอนพิเศษ เช่น ห้องเด็กอัจฉริยะ ห้องที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งเงินอุดหนุนจากรัฐบาลก็จะลดภาระได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
2.กรณีที่บุตรหลานอยู่ในสถานศึกษาของเอกชน ค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมของผู้ปกครองในกลุ่มนี้อยู่ในเกณฑ์สูง และมีความแตกต่างกันอย่างมาก เนื่องจากในปัจจุบันสถานศึกษาของเอกชนมีการพัฒนาหลักสูตรให้มีความแตกต่างกัน ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของบรรดาผู้ปกครองที่ต้องการปูพื้นฐานการศึกษาที่แตกต่างเพื่ออนาคตของบุตรหลาน เช่น หลักสูตรสองภาษา หลักสูตรนานาชาติ หลักสูตรภาษาจีน เป็นต้น หรือมีการเสริมการสอนคอมพิวเตอร์ ซึ่งเงินอุดหนุนของรัฐบาลในโครงการเรียนฟรี 15 ปีนี้จะช่วยได้เพียงบางส่วนเท่านั้น โดยเฉพาะในส่วนของค่าเล่าเรียน
ภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่ลดลงจากเงินอุดหนุนโครงการเรียนฟรี 15 ปี
(ระดับชั้นอนุบาล-มัธยมปลาย)
ระดับชั้น
|
ภาระผู้ปกครองโรงเรียนรัฐบาล
ที่ลดลงโดยรวม
(บาท)
|
ภาระผู้ปกครองโรงเรียนเอกชนที่ลดลงโดยรวม
(บาท)
|
ภาระผู้ปกครองที่ลดลงโดยรวม
(บาท)
|
ก่อนประถม
|
964,677,850
|
878,184,385
|
1,842,862,235
|
ประถม
|
5,076,373,568
|
1,763,588,019
|
6,839,961,587
|
ม.ต้น
|
4,161,938,479
|
665,406,075
|
4,827,344,554
|
ม.ปลาย(สายสามัญ)
|
2,185,162,427
|
232,397,256
|
2,417,559,683
|
ม.ปลาย(สายอาชีพ)
|
785,235,192
|
891,254,286
|
1,676,488,478
|
รวม
|
13,173,387,515
|
4,430,830,021
|
17,604,217,537
|
ที่มา : คำนวณโดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ : ดูรายละเอียดวิธีคำนวณในภาคผนวก
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ได้วิเคราะห์ภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่ลดลงจากเงินอุดหนุนโครงการเรียนฟรี 15 ปี โดยแยกประเภทโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน รวมทั้งแยกระดับชั้นเรียน ซึ่งรัฐบาลให้เงินอุดหนุนที่แตกต่างกันในเรื่องค่าเล่าเรียน โดยถ้าเป็นโรงเรียนรัฐบาลจะได้รับเงินอุดหนุนค่าหนังสือ อุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน และค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกเหนือไปจากค่าเล่าเรียนที่รัฐอุดหนุนอยู่เดิมแล้ว ส่วนโรงเรียนเอกชนก็จะได้รับการอุดหนุนให้ลดค่าเล่าเรียนตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด ขณะที่ได้รับเงินอุดหนุนค่าหนังสือ อุปกรณ์การเรียน และชุดนักเรียนเท่ากับโรงเรียนรัฐบาล
แม้ว่าผู้ปกครองจะมีภาระค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากโครงการเรียนฟรี 15 ปี แต่ผู้ปกครองอาจจะยังมีภาระค่าใช้จ่ายสมทบอื่นๆ ที่นอกเหนือจาก 5 รายการหลักที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน เช่น ค่ากิจกรรมพิเศษ ค่าประกันอุบัติเหตุ ค่าอาหารกลางวัน ค่าบำรุงโรงเรียน เป็นต้น ซึ่งโรงเรียนสามารถเรียกเก็บเพิ่มได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ปกครอง และอยู่ภายใต้การดูแลของคณะภาคี 4 ฝ่ายของแต่ละโรงเรียน คือ ผู้แทนครู ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนชุมชน และผู้แทนคณะกรรมการนักเรียน
อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองยังคงเน้นประหยัด อันเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลต่อกำลังซื้อ และความกังวลต่อรายได้ในอนาคต ในขณะที่ยังมีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยส่งบุตร/หลานเข้าศึกษาในหลักสูตรพิเศษ เช่น หลักสูตรการเรียนสองภาษา และหลักสูตรนานาชาติ เป็นต้น โดยยินดีเสียค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากการอุดหนุนของรัฐบาล
สำหรับในส่วนของผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับช่วงเปิดเทอมในปี 2552 ในปีนี้นับว่าน่าจะได้รับอานิสงส์จากโครงการเรียนฟรี 15 ปีในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก จากการที่มาตรการดังกล่าวช่วยหนุนกำลังซื้อของผู้ปกครอง โดยรัฐบาลเข้ามารับภาระค่าใช้จ่ายบางส่วน ทำให้น่าจะช่วยชดเชยผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจได้บ้าง ส่วนธุรกิจโรงรับจำนำยังคงเป็นที่พึ่งยามยากของบรรดาผู้ปกครองที่มีรายได้น้อย แม้ว่าเงินอุดหนุนของรัฐบาลช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ผู้ปกครองกลุ่มนี้ก็ยังมีรายได้ไม่เพียงพอ อันเนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพที่อยู่ในเกณฑ์สูง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น