ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเดือนตุลาคม 2552 ที่รายงานโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สะท้อนว่า แม้การส่งออกและเครื่องชี้เศรษฐกิจหลายตัวของไทยจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการหดตัวที่น้อยลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า (YoY) ซึ่งสะท้อนถึงเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพมากขึ้น แต่เมื่อพิจารณาเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) จะพบว่า แรงส่งต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณอ่อนแรงลง โดยเฉพาะในหมวดการใช้จ่ายในประเทศ ดังนั้น ความต่อเนื่องของการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งในส่วนของนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน ยังคงเป็นเงื่อนไขที่สำคัญต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งทางด้านการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนยังคงอยู่ในสภาวะที่เปราะบาง และต้องการแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ ดังนั้นเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ การผลักดันการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และความพยายามพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของภาคเอกชน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งสร้างความชัดเจนในโครงการลงทุนบางสาขา) ยังคงเป็นปัจจัยที่จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนในด้านการส่งออกนั้น แม้จะทยอยปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แต่แนวโน้มของการส่งออกของไทยในระยะข้างหน้า ยังคงต้องขึ้นอยู่กับความมั่นคงของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ตลอดจนการปรับตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก ในขณะที่ การดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทของธปท. ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีต่อภาคส่งออกของไทย
ทั้งนี้ แม้มีความเป็นไปได้ว่าแรงหนุนต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย อาจอ่อนแรงลงในไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงหลายด้านทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงมองว่า ด้วยผลของฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในไตรมาส 4/2551 อาจทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย พลิกกลับมาเป็นบวกได้ร้อยละ 2.3 (YoY) ในไตรมาส 4/2552 ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียกับการหดตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 ไตรมาสก่อนหน้า
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น