คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด มีมติที่เกือบเป็นเอกฉันท์ 9:1 เสียง ให้ลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ต่อเดือนภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (มาตรการ QE) รวม 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ (แบ่งเป็นการชะลอซื้อหลักทรัพย์ที่หนุนหลังด้วยสินเชื่อจำนอง 5 พันล้านดอลลาร์ฯ และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 5 พันล้านดอลลาร์ฯ) ซึ่งทำให้ขนาดของมาตรการ QE ปรับลดลงมาที่ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือนตั้งแต่เดือนม.ค. 2557 เป็นต้นไป (จากวงเงินเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือน ซึ่งเฟดได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนม.ค. 2556 จนถึงปัจจุบัน) อย่างไรก็ดี เฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Funds Rate) ที่กรอบ 0.00-0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตลาดการเงินตอบรับมติชะลอมาตรการ QE ของเฟดในรอบนี้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก โดยเงินดอลลาร์ฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักและสกุลเงินในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะเฟดยังคงยืนยันกับตลาดว่า อัตราดอกเบี้ย Fed Funds จะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป แม้อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ในปี 2557 มีโอกาสปรับลดลงต่อเนื่องไปอยู่ต่ำกว่าระดับ 6.5%
สำหรับผลกระทบต่อไทยนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ระดับทุนสำรองระหว่างประเทศ และเครื่องมือดูแลสภาพคล่องในระบบการเงินไทยของธปท. น่าจะสามารถรองรับสภาวะแวดล้อมทางการเงินที่อาจผันผวนไปตามแนวทางการชะลอมาตรการ QE ของเฟดในช่วงปีข้างหน้าได้ แม้คงต้องยอมรับว่า ทิศทางของตลาดการเงินไทยบางส่วน อาทิ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยและค่าเงินบาท อาจต้องเคลื่อนไหวไปตามภาพใหญ่ที่ถูกกำหนดมาจากตลาดการเงินของสหรัฐฯ ก็ตาม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น